การดูแลตัวเองคือเรื่องสำคัญ ดังนั้นแล้ว ในปัจจุบันผู้คนหันมาสนใจใส่ใจสุขภาพมากขึ้น แน่นอนว่าการดูแลสุขภาพทำได้หลายวิธี เพราะการมีสุขภาพที่ดี จะห่างไกลการเจ็บป่วย ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดีเช่นกัน แต่อีกเหตุผลสำหรับคุณผู้หญิงที่รักในความงามนั่นก็คือ นอกจากจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีแข็งแรงแล้ว สุขภาพผิวกายก็ต้องดีตามไปด้วย ทำให้ในปัจจุบันได้มีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสมากมาย หนึ่งในนั้นคือ กลูตาไธโอน หรือ กลูต้า นั่นเอง ทำให้หลายคนจึงมองหา อาหารเสริมผิวขาว ยี่ห้อดี เนื่องจากมันเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้รับความนิยม พร้อมทั้งสรรพคุณที่โดดเด่นอย่างการช่วยให้ผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้นนั่นเอง แต่ทว่า “กลูต้า” มีบทบาทที่น่าสนใจมากกว่านั้น เพราะเป็นตัวช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งในบทความนี้พวกเราได้รวบรวมข้อมูลของ กลูตาไธโอน เอาไว้ทั้งหมด รวมไปถึงเคล็ดลับการ กินกลูต้าให้ได้ผล ด้วย บอกเลยว่าใครที่รักสุขภาพ อยากสวย อยากขาว ต้องไม่พลาดกับบทความนี้
ก่อนอื่นเลยทุกคนต้องลืมภาพจำ หรือ ความเชื่อแบบเดิมในเรื่องกลูตาไธโอน ที่มีคุณสมบัติทำให้ผิวขาว หรือ กินกลูต้าแล้วจะดูขาวขึ้นทันตาเห็น ซึ่งนี่จะทำให้จุดประสงค์ของคนที่ซื้อไปทาน หรือ มีการฉีด เข้าใจผิดเกี่ยวกับการเร่งให้ผิวขาวขึ้นได้นั่นเอง แต่ความเป็นจริงแล้ว กลูตาไธโอน คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญในพืช สัตว์ เห็ดรา รวมทั้งตัวแบคทีเรีย โดยจะมีบทบาทหน้าที่สำคัญ คือ การป้องกันเซลล์ที่เกิดจาก ออกซิเจนที่ไวต่อปฏิกิริยา โดยจะประกอบไปด้วย เพบไทด์ 3 โมเลกุลด้วยกัน คือ ซีสเตอีน, กรดกลูตามิก และ ไกลซีน
ถ้าหากว่าพูดถึงประโยชน์ หน้าที่ของกลูต้า ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือ ช่วยให้ตับ ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย อีกทั้งยังรักษาโรคร้ายแรงมากมาย ตัวอย่างเช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง,โรคตับ,โรคไต,โรคพาร์กินสัน,โรคเอดส์ รวมทั้งภาวะเป็นหมันในเพศชาย และ ภาวะหูตึงด้วย โดยประโยชน์ที่เด่น ๆ นั้น จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 หัวข้อใหญ่ดังต่อไปนี้
นี่คืออีกหนึ่งเรื่องสำคัญ เพราะ “กลูต้า” สามารถนำมาจากธรรมชาติด้วยเช่นกัน โดยปกติแล้วมนุษย์จะสามารถสร้างกลูต้าขึ้นมาได้เอง จากโปรตีนในอาหาร ตัวอย่างเช่น เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ไข่ เป็นต้น โดยกลูต้าจะมีคุณสมบัติที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันปกป้องเนื้อเยื่อต่าง ๆ จากการทำลายของอนุมูลอิสระ พร้อมทั้งช่วยให้ตับขับสารพิษออกจากรร่างกายได้ดีขึ้น แล้วยังกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ซึ่งมีประโยชน์ที่เป็นเรื่องเด่น ๆ ส่งผลต่อร่างกาย ดังต่อไปนี้
ประโยชน์ในข้อแรกนั้น กลูต้า จะช่วยกำจัดของเสีย รวมทั้งทำลายสารพิษ ออกจากร่างกาย ซึ่งถ้าหากว่าร่างกายของเราไม่มีกลูต้าเลย จะเต็มไปด้วยของเสีย นี่แหละจึงเป็นเหตุผลว่าร่างกายของเราต้องการ กลูตาไธโอน เป็นอย่างมาก รวมไปถึง มีความสำคัญต่อเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย นอกจากนั้นยังช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ แล้วยังซ่อมแซมทุกเซลล์ในร่างกายด้วย เมื่อร่างกายแข็งแรง ก็จะสามารถต่อต้านกับเชื้อโรคได้ รวมไปถึงการส่งเสริมตัวยาอื่น ให้ทำงานได้ดีขึ้น อย่างเช่น วิตามินซี ที่กลูต้าจะไปเสริมให้วิตามินซีทำงานได้ดีมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น
กลูตาไธโอน มีจุดเด่นคือขับของเสีย ขับพิษ แล้วก็ยังช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งมีการรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอักเสบ รวมทั้งตับแข็ง มีการฟื้นฟูตับ เนื่องจากการสะสมสารเคมีจากยาบางชนิด มาเป็นเวลานาน กลูตาไธโอน จะช่วยเรื่องนี้ได้
อย่างที่ทราบกันดีว่า สิ่งที่ทำให้เราแก่เร็ว หรือ โทรมขึ้น ก็คือ อนุมูลอิสระ ดังนั้นแล้ว ทั้งมลภาวะภายนอกก็มีส่วนที่จะส่งผลให้ทำร้ายผิว ทำลายสุขภาพทั้งทางตรง กับ ทางอ้อม ดังนั้น กลูต้า จึงเป็นสารที่จะช่วยปกป้องคุณได้จากมลพิษ อีกทั้งยังเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ทั้งภายใน และ ภายนอก ต้านอนุมูลอิสระได้คล้ายกับคอลลาเจน
กลูต้าไธโอน ไม่ได้ช่วยทำให้ผิวขาวในทันที แต่จะทำให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น รวมไปถึง ผิวด้วย ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอยก่อนวัย การดูแลอวัยวะต่าง ๆ โดยรวม ไม่ให้ทรุดตัวเร็ว พร้อมทั้งยังฟื้นฟูผิวพรรณที่หมองคล้ำ ให้ดูจางลง ยับยั้งการทำงานของ เอนไซม์ไทโรซิเนส โดยเป็นเอนไซม์ที่ควบคุมการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานิน สาเหตุของปัญหาผิวหมองคล้ำ ลดเลือนจุดด่างดำและรอยสิว ซึ่งส่งประโยชน์โดยตรงสำหรับผู้ที่ต้องการรักษา ดูแลผิวในอนาคตด้วย
จะเห็นได้ว่าทั้ง 4 ข้อนี้ บ่งบอกถึงประโยชน์ของ “กลูตาไธโอน” หรือ “กลูต้า” ได้อย่างชัดเจนแล้วว่า มีผลต่อร่างกายในทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบการช่วยป้องกัน เสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย การดีท็อกซ์ขับถ่ายพิษออกจากเซลล์ และ ที่สำคัญช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใส ไม่โทรมอีกด้วย ดังนั้นแล้วเมื่อคุณมีอายุที่มากขึ้น หรือ มีความเครียดจากการทำงานสะสม ใช้ร่างกายที่ค่อนข้างเปลือง ต้องลองหันมาดูแลร่างกายของตัวเองกันบ้าง ดังนั้นแล้ว กลูต้า จึงเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่จะทำงานร่างกายนั้นทำงานอย่างสมดุล ดังนั้นแล้วถ้าขาดกลูตาไธโอน ร่างกายก็จะส่งผลตรงกันข้ามคือแย่ลงไปเลย
สำหรับการขาด กลูต้า ก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างมากเพราะไม่สามารถที่จะขับของเสียออกจากร่างกายได้ ดังนั้นแล้ว โรคบางชนิดที่ต้องการกลูตาโธโอนมาก ๆ หรือ โรคที่เกิดดันไปต้านการสร้างกลูตาไธโอนล่ะก็ ค่อนข้างที่จะแย่ต่อร่างกายเช่นเดียวกัน ซึ่ง โรคที่ต้องการใช้กลูต้ามาก ๆ ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง เอดส์ ต้อหิน และ โรคตับ รวมไปถึงผู้ที่สูบบุหรี่จัดด้วย ดังนั้นแล้ว ผู้ที่มีภาวะแบบนี้ ควรที่จะต้องปรึกษาแพทย์ แต่ถ้าใครที่ไม่เป็น ภาวการณ์ขาดกลูต้า ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น
สำหรับในบางประเทศนั้น จะให้ขึ้นทะเบียน กลูตาไธโอน เป็น ยา ส่วนบางประเทศเป็นอาหารเสริม แต่สำหรับในประเทศไทยยังไม่ผ่านการอนุมัติจากองค์การอาหาร และ ยา แต่ได้ขึ้นทะเบียนรับรองว่าให้ใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อาหารเสริม แต่ถ้ารับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจจะมีผลต่อการทำงานของไตได้
อีกทั้งมีการรายงานว่าได้ใช้สารกลูตาไธโอน ในหลายกรณีแล้ว เช่น โรคพาร์กินสัน โดยใช้ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ใช้รักษาภาวะเป็นพิษจากโลหะหนัก หรือ พิษจากยาพาราเซตามอนเกินขนาด รวมทั้ง การทำลายพิษในตับ และ เสริมสร้างภูมิต้านทานให้คนไข้โรคเอดส์ นั่นเอง ส่วนข้อมูลที่ช่วยให้ผิวพรรณขาว ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด
ในปัจจุบันนี้ กลูตาไธโอนมีวางจำหน่ายหลากหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น ชนิดที่เป็นเม็ด,แคปซูล รวมไปถึงชนิดที่ฉีกเข้าหลอดเลือด กับ เข้ากล้ามเนื้อ แต่ในกรณีสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยัน หรือ คำสั่งจากแพทย์เท่านั้น ว่าต้องการสารตัวนี้ ถึงจะใช้งานได้
แต่สำหรับผลข้างเคียง จะยังไม่พบ อีกทั้งไม่มีรายงานว่าจะกระตุ้นให้เกิดมะเร็งในร่างกายด้วย แต่โอกาสที่จะแพ้ได้ เพราะการฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ อาจจะมีสารกันเสีย สารปนเปื้อนอื่นเข้าสู่ร่างกายไปด้วยนั่นเอง แต่การฉีดด้วยวิธีนี้จะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น
โดยปกติแล้ว ร่างกายของคนเราจะสร้างเซลล์เม็ดสีเมลานินอยู่ 2 ชนิด นั่นก็คือ เมลานิน หรือ เซลล์เม็ดสีผิวคล้ำ รวมทั้ง ฟีโอเมลานิน หรือ เม็ดสีผิวขาว เมื่อร่างกายของเราได้รับกลูต้าไปในปริมาณมาก ก็ส่งผลให้สร้างเมลานินน้อยลง อีกทั้งมีการสร้างฟีโอเมลานินเพิ่มขึ้น จะทำให้ผิวพรรณดูขาวขึ้นได้เช่นกัน แต่ทว่ากลูต้าไม่ได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างของพันธุกรรมของเม็ดสีได้ เมื่อเวลาผ่านไปผิวก็จะกลับมาคล้ำเช่นเดิม
กลูต้า ช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น รวมทั้งสุขภาพดี ขับพิษออกจากร่างกาย แต่แน่นอนว่าวันนี้พวกเราก็ไม่พลาดที่จะมาแนะนำ 8 วิธีการกิลกลูต้า ที่กินยังไงให้ปัง พร้อมบูสท์ผิวขาว กระจ่างใสได้ ซึ่งจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ยามเช้า หลังจากตื่นนอน หรือ อาจจะเป็นตอนก่อนเข้านอนก็ได้ เพราะว่าในช่วงที่ท้องว่าง อาหารจะย่อยหมดแล้ว ซึ่งจะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารกลูตาไธโอนเข้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเห็นผลได้จริง ส่งผลให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น ที่สำคัญเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ ตื่นเช้า หรือ ก่อนนอนประมาณ 30 นาที เพื่อเห็นผลได้เร็วขึ้น
การทานกลูต้า กับ วิตามินซีทุกครั้ง จะเพิ่มพลังบูสท์ให้ได้ผลมากขึ้นไปด้วย กับ การทานวิตามิน 1-2 เท่าของปริมาณกลูต้าที่กินเข้าไปในแต่ละวัน ตัวอย่างเช่น ถ้ากินกลูต้าวันละ 1,000 มิลลิกรัม ควรทานวิตามินซีเพิ่มไปที่ 1,000-2,000 มิลลิกรัมนั่นเอง
โดยในสูตรนี้ไม่ได้ตายตัวว่าจะกิน 2 เท่าเสมอไป เพราะอาจจะพิจารณาได้ตามความเหมาะสม เพราะว่าคุณสมบัติที่อยู่ในวิตามินซี จะช่วยดูดซึมสารกลูตาไธโอนได้อย่างดี ทำให้เห็นผลในเรื่องผิวพรรณที่ดีขึ้น
ช่วงเวลาของการกิน นับได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญแล้ว แต่การกินให้สอดคล้องกับน้ำหนักตัวนั้นสำคัญกว่า เพราะถ้าหากว่ากินเข้าไปในปริมาณมาก อาจจะทำให้ตับ หรือ ไต ทำงานผิดปกติได้ แต่ถ้ากินน้อยไปก็อาจจะไม่เห็นผลลัพธ์ ดังนั้นปริมาณที่เหมาะสมก็คือ 40 กรัม ต่อ ปริมาณน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ถ้าหนัก 50 กิโลกรัม ก็ควรจะกิน 2,000 มิลลิกรัม นั่นเอง
มีหลากหลายแบรนด์มากเกี่ยวกับ กลูต้า โดยในตลาด จะเห็นวางขายอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นแล้วจะมีทั้งของแท้ รวมทั้งของเถื่อนที่ได้ผ่านการลงทะเบียนผ่านทาง อย. อีกทั้งอาจจะโดนหลอก เพราะบางตัวอาจจะไม่ได้ผสมสารกลูต้า ลงไปในสินค้าด้วย แน่นอนว่าถ้าเจอสินค้าใดที่ไม่มีการระบุที่ชัดเจน ตรารับรองจาก อย. รวมทั้งราคาถูกเกินจริง ให้หลีกเลี่ยงเด็ดขาด สังเกตได้เลยว่าจะมีการอวดอ้างเกินจริงด้วย
วิธีที่จำทำให้ผิวของคุณนั้นขาวขึ้นตามไปด้วย นอกจากการทานกลูต้าเป็นประจำแล้ว การทาครีมกันแดด หรือ บำรุงผิวอยู่ทุกวัน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้สุขภาพผิวดีขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นแล้วการทานกลูต้าจะไม่ได้ทำให้ผิวพรรณกระจ่างใสขึ้นใน 1-2 วัน ดังนั้นเมื่อออกจากบ้าน ครีมกันแดด ก็ยังจำเป็นอยู่
การดื่มน้ำตามควรดื่มไม่ต่ำกว่า 2 แก้ว เพราะจะช่วยให้กลูต้าที่เข้าไปในร่างกาย จะทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นก็คือ การแตกตัว การดูดซึม อีกทั้งการดื่มน้ำอยู่ตลอดจะช่วยให้ร่างกายรักษาสมดุลได้เป็นอย่างดี สารพิษก็จะถูกขับออกมาได้ดีเช่นเดียวกัน และน้ำ ยังเติมความชุ้มชื้นให้กับผิวด้วยเช่นกัน
อยากผิวพรรณกระจ่างใส ควรจะต้องหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ รวมทั้ง คาเฟอีนด้วย เพราะทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่นเดียวกัน เมื่อเราทานกลูต้าอยู่ด้วย แล้วยังมีการดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้ ก็จะไม่ได้ผลลัพธ์ใด ๆ เกิดขึ้น อีกทั้งยังทำให้ไปยับยั้งการสร้างกลูตาไธโอนภายในร่างกายอีกเช่นเดียวกัน แต่หากคุณสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่จะกินได้ไหม คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ ตั้งครรภ์ใช้กลูต้าได้หรือไม่?
ถ้าอยากผิวพรรณกระจ่างใส มีออร่า ไม่จำเป็นเลยกว่าการกินกลูต้าอย่างเดียวแล้วจะเห็นผล ถ้าคุณอยากเห็นผลลัพธ์ จำเป็นมากที่จะต้องหลีกเลี่ยงมลพิษ แสงแดด ฝุ่น ควัญ อีกทั้งการทำความสะอาดผิวก่อนนอน หรือ สครับผิว ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หลังจากนั้นจะทำให้ผิวดูสุขภาพดีมากขึ้น ยิ่งทานกลูต้าเข้าไปก็จะยิ่งเสริมให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง กระจ่างใสมากขึ้นนั่นเอง และยังเป็นการดูแลตัวเองเบื้องต้นที่ใครอยากขาว อยากสุขภาพผิวที่ ก็ทำกันทั้งนั้น
หลังจากที่ได้รู้จักกับ “กลูต้า” หรือ “กลูตาไธโอน” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะเห็นได้ว่าสารตัวสำคัญที่จะช่วยในเรื่องขับสารพิษภายในเซลล์ รวมไปถึงผลที่จะทำให้สุขภาพผิวพรรณนั้นดีขึ้นอีกด้วย เพราะหลังจากที่ได้รู้จักแล้ว กับ ข้อมูลที่แท้จริง ว่าไม่สามารถนำมาบอกว่าเป็นสารที่ทำให้ผิวขาวได้ในทันที แต่มันคือสารที่ทำให้สุขภาพผิวดีมากกว่า นอกจากนั้นยังรวมไปถึงการขับพิษออกจากร่างกาย ที่เป็นจุดเด่นที่แท้จริงของสารกลูต้าซะมากกว่า อย่างไรก็ตามในปัจจุบันกลายเป็นที่ยอมรับสำหรับคนดูแลสุขภาพ ว่าช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใสมากขึ้น แต่สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถผลิตสารตัวนี้เองได้ ก็ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด ไม่เช่นนั้นแล้วก็อาจจะเกิดอันตรายแก่ชีวิตได้เช่นกัน คุณสามารถศึกษาผลข้างเคียงจากกลูต้าไธโอนก่อนรับประทานได้ สุดท้ายนี้ ถ้าคิดที่จะเลือกดูแลตัวเองด้วยการกินกลูต้า ก็ต้องมองหากลูต้าของแท้ ได้รับการรับรอง รวมทั้งการใส่ใจในสุขภาพส่วนอื่นเช่น การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ หรือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย