คุณอาจจะไม่รู้ว่า คอลลาเจนสามารถเสื่อมสลายได้ด้วยหลายๆ ปัจจัย ทั้งการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนภายในร่างกาย สารปนเปื้อนในอาหารที่รับประทาน มลพิษต่างๆ การสูบบุหรี่ และอนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดด และนอกจากปัจจัยภายนอกที่กล่าวมานั้น มีปัจจัยภายในที่สำคัญว่าทำไมกินคอลลาเจนแล้วไม่เห็นผลคืออาจมาจากพฤติกรรมจากตัวคุณเองด้วย ที่สามารถส่งผลต่อการทำงานของคอลลาเจนที่เสริมเข้าไปให้ร่างกายนั้นไม่เห็นผลเท่าที่ควรจะเป็น
การแสดงสีหน้าทางหน้าตาต่างๆ เช่น การยิ้ม หรี่ตารวมถึง การทำหน้าบึ้ง ขมวดคิ้ว จากความเครียด ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลต่อคอลลาเจนใต้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้เกิดริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ เช่น รอยตีนกาบนใบหน้า
มลภาวะต่างๆ โดยเฉพาะแสงแดด เป็นต้นเหตุสำคัญของผิวเสีย โดยอนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดด ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ก่อให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณแห้งกร้านและเกิดริ้วรอยได้โดยง่าย
คอลลาเจนจะช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่นของผิว ไม่ได้ช่วยให้ผิวพรรณขาวขึ้นโดยตรง นั่นเป็นสาเหตุสำคัญว่า เหตุที่ไม่เกิดผลตรงใจตามที่ต้องการนั้นเพราะคิดว่าทำไมกินคอลลาเจนแล้วไม่ขาว? สรุปคือ การกินคอลลาเจนล้วนๆ ไม่ได้ช่วยให้ขาว โดยผลลัพธ์อาจจะต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล
ด้วยกระบวนการสกัดที่ทันสมัยในปัจจุบันสามารถสกัดคอลลาเจนที่มีกลิ่นลดลงจนรับประทานง่าย รวมถึงมีขนาดโมเลกุลที่เล็กลง เพื่อให้ง่ายต่อการดูดซึมและได้คอลลาเจนที่มีคุณภาพ แต่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนในยุคแรกๆ มักมีปัญหาเรื่องคุณภาพ เช่น เรื่องของโมเลกุลที่ยังดูดซึมได้ยาก เมื่อดูดซึมได้ยากก็ย่อมไม่เห็นผลอย่างที่อยากจะให้เป็น ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญในการเลือกแหล่งผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย ทั้งมีคุณภาพปลอดภัยและน่าเชื่อถือ
การกินไม่ต่อเนื่อง กินๆ หยุดๆ ไม่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนหรือผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ย่อมไม่เห็นผลแน่นอน โดยทั่วไประยะเวลาที่เริ่มเห็นผลต่อผิวที่ชัดเจนสำหรับคอลลาเจนนั้นจะอยู่ที่ 30-60 วัน ดังนั้นถ้ากินคอลลาเจนอย่างสม่ำเสมอจริงๆ ย่อมเห็นผลลัพธ์ที่พึงพอใจแน่นอน
ทั้งนี้ ร่างกายคนเราสามารถดูดซึมคอลลาเจนที่กินเข้าไปได้แค่ 30% เท่านั้น นั่นคือ หากคุณกินคอลลาเจน 10,000 มิลลิกรัม ร่างกายจะได้รับแค่ราวๆ 3,000 มิลลิกรัม นั่นคือเหตุผลว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนมักแนะนำให้คุณควรกินประมาณ 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยอ้างอิงจากเกณฑ์กำหนดของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย แนะนำให้รับประทาน คือ 5,000-7,000 มิลลิกรัมต่อวัน และได้อนุญาตให้บริโภคได้ไม่เกิน 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน
ควรกินคอลลาเจนตอนที่ท้องยังว่าง เพื่อให้ระบบการทำงานของร่างกายจะสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้เต็มประสิทธิภาพ หากร่างกายของคุณกำลังย่อยและดูดซึมสารอาหารชนิดอื่นๆ อยู่ด้วย การดูดซึมคอลาเจนเข้าร่างกายเข้าไปย่อมไม่ได้ประสิทธิภาพ เกิดผลได้น้อย
หากทำดีท็อกซ์พร้อมกินคอลลาเจนร่วมกัน ขึ้นชื่อว่าการทำดีท็อกซ์แล้วนั้น การดีท็อกซ์จะล้างตัวคอลลาเจนออกมาไวเกินไปทำให้กินคอลลาเจนไม่ได้ผล เพราะคอลลาเจนถูกขับออกมาเร็วเกินไปไม่ทันดูดซึม ดังนั้น ถ้ากินคอลลาเจน ให้ดีท็อกซ์ก่อนการกินคอลลาเจนประมาณ 2-3 ชม.
แม้ว่าดูเป็นเรื่องจุกจิก แต่หากลงทุนไปกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนทั้งที นี่คงเป็นเรื่องไม่ยากเกินไปนักในการปรับพฤติกรรมของตัวเองเพื่อการกินคอลลาเจนที่ได้ผล เมื่อได้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น เชื่อเถอะว่า คอลลาเจนที่ตั้งใจลงทุนซื้อมากินจะเกิดผลสูงสุดต่อตัวคุณเอง
ข้อมูลประกอบจาก
รวบรวมรายละเอียดเพิ่มเติมคอลลาเจนยี่ห้อไหนดีได้ที่ 10 คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี ที่ช่วยให้ผิวสวยดูแพง แบบสุขภาพดี