คอลลาเจน เหมาะกับอายุ เท่าไหร่บ้าง? น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกับคอลลาเจนที่กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่แพร่หลายอย่างมากในปัจจุบัน ทุกคนรู้ข้อดี หรือประโยชน์ที่ได้รับจากคอลลาเจน แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าการรับประทานคอลลาเจนที่มากเกินไป ก็ส่งผลเสียต่อร่างกาย และถือเป็นคอลลาเจน โทษที่เกิดจากสารสกัดประเภทนี้ เช่นเดียวกันหากร่างกายได้รับปริมาณคอลลาเจนที่มากกว่า 10,000 มก. ที่เป็นปริมาณที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ จะทำให้เกิดอาการวิงเวียน, คลื่นไส้ และในบางกรณีพบหัวใจเต้นเร็วผิดปกติก็มีให้เห็นอยู่เช่นเดียวกัน
การรับประทานคอลลาเจนให้ถูกต้อง ควรศึกษาข้อควรรู้ก่อนเลือกทานคอลลาเจนเพื่อให้ได้ประโยชน์จากการรับประทานมากที่สุด และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการรับประทานผิดหรือมากเกินไป ทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการรับประทานคอลลาเจนแบรนด์ดีที่ควรซื้อไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับ คอลลาเจน เหมาะกับอายุ, คอลลาเจนมีข้อดี และข้อเสียอย่างไร หรือแม้แต่วิธีการรับประทาน คอลลาเจนสำหรับอายุ 45 หรือมากกว่า ในบทความชิ้นนี้ได้รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นไว้ทั้งหมดแล้ว
หากจะพูดกันถึงวิธีการรับประทานคอลลาเจนให้ถูกต้อง เรื่องแรก ๆ ที่คุณควรรู้คือการเลือกทานคอลลาเจน เหมาะกับอายุ เนื่องจากแต่ละช่วงวัยของผู้รับประทานเอง ก็มีผลต่อปริมาณของคอลลาเจนที่ได้รับแตกต่างกันออกไป อย่างเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ยังไม่เป็นที่แนะนำให้รับประทานคอลลาเจนประเภทอาหารเสริม เพราะร่างกายกำลังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต เซลล์สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีเป็นปกติ หากต้องการบำรุง หรือเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถในการผลิตของคอลลาเจนเพิ่มเติม ทางการแพทย์แนะนำว่าควรมีอายุอย่างน้อย 15 ปี ถึงสามารถรับประทานคอลลาเจนได้
ยิ่งอายุมากขึ้น อัตราการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวก็ยิ่งต่ำ ทำให้ตั้งแต่อายุขึ้นเลข 3 การรับประทานคอลลาเจนจะเป็นที่แนะนำเป็นพิเศษ เนื่องจากความสามารถของเซลล์ในการผลิตคอลลาเจนจะต่ำลงอย่างมากจนเห็นได้ชัดเจนผ่านริ้วรอย ความชุ่มชื้นของผิว หรือแม้แต่ความแข็งแรงของร่างกายที่เปราะบางมากกว่าแต่ก่อน นี่ก็ล้วนเป็นสัญญาณในการบอกว่าคอลลาเจนในร่างกายของคุณนั้นน้อยกว่าที่ผ่านมา นอกจากคอลลาเจนที่เสื่อมสลายไปเรื่อย ๆ อัตราการสร้างใหม่ของเซลล์ก็มีประสิทธิภาพลดลงอีกด้วย
แน่นอนว่าในตอนนี้ผู้อ่านได้ทราบแล้วว่าอายุต่ำสุดที่สามารถเริ่มรับประทานคอลลาเจนได้คือ 15 ปีขึ้นไป ช่วยคลายข้อสงสัยที่มักจะเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในสังคมบ่อย ๆ อย่างอายุ 15 กิน คอ ล ลา เจน ได้ไหม แต่มีอีกหลากหลายกรณีที่สามารถรับประทานคอลลาเจนเพื่อกระตุ้นเซลล์ในการทำงานให้ดีขึ้น เสริมประสิทธิภาพของร่างกายให้แข็งแรง และช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสมีน้ำมีนวลได้ และนี่เป็นลิสต์ที่รวบรวมเพื่อให้คุณเข้าใจง่ายขึ้นว่ามีใครบ้างที่สามารถรับประทานคอลลาเจนเพิ่มเติมได้บ้าง
และนี่เป็นลิสต์เบื้องต้นที่อยากให้ทุกคนได้รู้กันไว้ เนื่องจากหลายครั้งทีเดียวที่มีประเด็นในสังคมเกี่ยวกับความสงสัยว่าผู้คนที่เป็นกลุ่มคุณแม่ให้นมลูกสามารถรับประทานคอลลาเจนได้ไหม หรือผู้ที่เป็นกลุ่มโรคเฉพาะเจาะจงอย่างโรคเบาหวาน, โรคซึมเศร้า และอื่น ๆ สามารถรับประทานคอลลาเจน และจะส่งผลกับโรคที่เป็นหรือไม่ ในตอนนี้คาดว่าทุกคนจะได้คำตอบกันแล้ว เพื่อทำให้เข้าใจทั้งวิธีการทาน ผลข้างเคียงของการรับประทานคอลลาเจน และเงื่อนไขของการดื่มคอลลาเจน
เพื่อให้ทุกคนสามารถรับประทานเป็นคอลลาเจน เหมาะกับอายุ สิ่งแรกที่ควรรู้เลยก็คือ ข้อจำกัด และความสามารถในการผลิตคอลลาเจนในแต่ละช่วงวัย ร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนได้เต็มที่มากที่สุดในวัย 20 ปี โดยตั้งแต่อายุ 25 ปี ร่างกายจะค่อย ๆ สูญเสียคอลลาเจนที่มีมาไป 1.5% ในทุก ๆ ปี โดยจะยิ่งมีการลดลงหนักขึ้นในช่วง 30 ปี จากปกติที่อยู่ในเรต 1.5% ต่อปี จะมีอัตราการลดลงของคอลลาเจนเป็นเรต 20-30% ของทั้งหมด แน่นอนว่าหากไม่ได้รับการดูแลร่างกายอย่างดี ริ้วรอย, ผิวแห้ง สัญญาณผิวแก่ตามอายุจะค่อย ๆ คืบคลานมาหาในที่สุด
ถ้านี่เป็นความรู้ชุดใหม่ที่คุณได้เข้าใจกลไกของร่างกายกันแล้ว ใครที่กำลังอยู่ในช่วงอายุเลข 2 ควรรู้แล้วว่าการเสริมสร้าง และช่วยเพิ่มอัตราการผลิตคอลลาเจนในร่างกายตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นแผนการต้านแก่ และช่วยให้ร่างกายมีความพร้อมได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องอายุขึ้นเลข 3 เพราะนั้นอาจจะไม่ทันกาล และร่างกายทรุดโทรมไปก่อนที่จะบำรุงได้อย่างทันท่วงที
ท่ามกลางคอลลาเจนที่มีให้บริการหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคอลลาเจนแบบผง, แบบอม หรือแม้แต่แบบฉีดเข้าร่างกาย ที่มีการพูดถึงกันว่านี่เป็นรูปแบบในการรับคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายที่เร็ว และเป็นทางตรงมากที่สุด นั้นหมายความว่าคอลลาเจนจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลได้ไวมากขึ้น ทั้งเรื่องของผิวที่ใสขึ้น และผิวดูชุ่มชื้นอิ่มน้ำ แน่นอนว่าคอลลาเจนประเภทนี้มีเรื่องของสารเคมี และส่วนผสมที่เป็นวิตามินอื่น ๆ ร่วมด้วย อาจไม่ได้เหมาะกับผู้คนในทุกประเภท
สำหรับวงการแพทย์แล้ว คุณหมอหลาย ๆ คนจึงเลือกที่จะแนะนำให้ผู้ที่ต้องการเสริมสารสกัดคอลลาเจน หาคอลลาเจนแบบธรรมชาติที่หาได้จากการรับประทานผัก, ผลไม้ หรืออาหารทะเลทานจะเป็นตัวเลือกที่ดูดี และเข้าท่ากว่ามาก เนื่องจากคุณสามารถมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย หรือการปนเปื้อนได้เลยว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย แต่อาหาร หรือผักผลไม้ประเภทใดบ้างที่เป็นแหล่งรวมคอลลาเจนที่คุณไม่ควรพลาด ไปติดตามเนื้อหาในส่วนถัดไปได้เลย
แน่นอนว่าการรับประทานผัก และผลไม้เป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพ แต่ละผักผลไม้แต่ละชนิดนั้นให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายที่แตกต่างกันออกไป หากคุณมีความตั้งใจที่จะเสริมสร้างเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจน มีผัก และผลไม้บางประเภทที่มีความสามารถโดดเด่น และตอบโจทย์กับความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการรับประทานคอลลาเจนที่มีจากธรรมชาติ ปลอดภัย มั่นใจเรื่องไร้สารปนเปื้อน อีกทั้งยังสามารถเลือกรับประทานให้ได้ปริมาณคอลลาเจน เหมาะกับอายุอีกด้วย
1. กระเทียม
เป็นผักที่หลายคนมักจะเขี่ยทิ้ง และอาจจะไม่ชอบให้ใส่ในมื้ออาหารกันอยู่เป็นประจำ แต่รู้หรือไม่ว่านี่ดันเป็นพืชที่อัดแน่นไว้ด้วยสารกระตุ้นคอลลาเจนชั้นดี และยังเป็นตัวช่วยในการยับยั้งให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพได้ช้าลง จัดได้ว่าเป็นผักที่ควรเปลี่ยนมุมมองใหม่ในการรับประทาน เชื่อว่าต่อจากนี้หลายคนเมื่อได้พบกับกระเทียมจะต้องเปลี่ยนจากไม่ใส่ในอาหาร เป็นขอใส่เพิ่มจะเป็นทางเลือกใหม่ในการเพิ่มคอลลาเจนแบบที่คุณคาดไม่ถึง
2. ฝรั่ง
หากพูดถึงผลไม้ที่จะช่วยกู้ผิวเสีย หรือส่งผลดีกับผิวโดยตรง ฝรั่งแทบจะไม่ใช่ตัวเลือกแรก ๆ ของใครหลายคน มุมมองของผู้คนที่มีกับฝรั่งนั้นอาจจะคิดว่านี่เป็นผลไม้ที่เพิ่มกากอาหาร เพื่อให้ร่างกายขับถ่ายง่ายแต่เพียงอย่างเดียว แต่นั่นไม่ใช่ประโยชน์ทั้งหมดของฝรั่ง เพราะผลไม้ชนิดนี้เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก ถึงรสชาติจะไม่ได้มีรสชาติเปรี้ยวเลยก็ตาม ทำให้นี่เป็นผลไม้ที่ช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณให้สว่างใส และอิ่มน้ำอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้นฝรั่งยังช่วยในการกระตุ้นเซลล์ให้ผลิตคอลลาเจนให้มากขึ้นอย่างแข็งแรงอีกด้วย
3. หว่านหางจระเข้
นี่เป็นพืชที่ใกล้ตัว และสามารถหาซื้อกันได้ไม่ยากนัก สำหรับประเทศไทยแล้วว่านหางจระเข้เป็นพืชที่มีสรรพคุณเกี่ยวกับการดูแลผิวมาอย่างยาวนาน ในแง่ของการบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้น ไม่ให้ผิวแห้งกร้าน แตกเป็นขุย แต่จากการศึกษาเพิ่มเติมในประเทศญี่ปุ่นพบความน่าสนใจเพิ่มเติมของพืชชนิดนี้ว่าสามารถช่วยเร่งการเกิดของคอลลาเจน และเมื่อมีการรับประทานอย่างต่อเนื่องถึง 8 สัปดาห์มีโอกาสที่ริ้วรอยร่องเล็ก ๆ จางได้จริง เรียกได้ว่าเป็นของดีที่ดีครบทุกด้านต้องว่านหางจระเข้นี่เลย
4. มะพร้าว
เป็นไปได้ยาก ถ้าหากพูดถึงผัก หรือผลไม้ที่มีคุณสมบัติในการดูแลผิวอย่างล้ำลึกโดยที่ชื่อของมะพร้าวจะหลุด หรือไม่มีอยู่ในลิสต์ เพราะมะพร้าวนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในแง่ของน้ำมัน น้ำมันมะพร้าวถูกยอมรับในทุกศาสตร์ว่าเป็นน้ำมันที่ช่วยบำรุงได้หลากหลายโดยเฉพาะผิวพรรณ เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมีสารสกัดที่มีความใกล้เคียงกับฮอร์โมนหญิงอย่าง เอสโตรเจน ทำให้น้ำมันมะพร้าวสามารถช่วยเพิ่มความใส ปรับผิวไบร์ทได้ อีกทั้งมะพร้าวยังช่วยกระตุ้น และผลิตคอลลาเจนในผิว ใครที่มีปัญหาผิวบ่อย ๆ ลองกินน้ำมะพร้าว หรือลองหาน้ำมันมะพร้าวมาทาเคลือบชั้นผิวช่วงก่อนนอนกันดู รับรองได้ว่าผิวที่เคยแห้งกร้านจะกลับมาเป็นผิวที่ดูชุ่มชื้นขึ้นไม่เกิน 2 สัปดาห์
5. เห็ด
เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่าเห็ดพืชที่เติบโตได้ง่าย และมักจะเป็นหนึ่งในส่วนผสมของอาหารมีประโยชน์อย่างมากในการผลิตคอลลาเจนของร่างกาย ยิ่งเป็นเห็ดหูหนูที่พื้นฐานนั้นราคาไม่แรง และยังหาได้ง่ายตามตลาด ยิ่งมีสารที่ช่วยในการเสริมสร้างการผลิตของคอลลาเจนได้ดี พร้อมกับช่วยบำรุงผิว ปกป้องผิวจากแสงแดด และมลพิษได้เพิ่มอีก
นี่เป็นเพียงลิสต์รายการผัก และผลไม้ที่มีคุณสมบัติหลักอย่างการช่วยเสริมสร้างการผลิตของคอลลาเจน และยังมีข้อดีอื่น ๆ ในการบำรุงผิว และระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ถ้าคุณกำลังวางแผนในการหาผักผลไม้มาเพื่อเติมคอลลาเจนให้กับชั้นผิว 5 ลิสต์นี้น่าจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนการกินได้ดีทีเดียว ที่สำคัญอย่าลืมที่จะเลือกรับประทานอย่างพอประมาณ เพื่อให้ร่างกายได้รับคอลลาเจน เหมาะกับอายุของคุณ
ทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าการรับประทานคอลลาเจนสามารถช่วยในการลดริ้วรอยและอาการปวดข้อ อย่างไรก็ตาม คำถามที่สำคัญคือ “การรับประทานคอลลาเจนมีผลข้างเคียงหรือไม่?” และ “โรคที่ไม่ควรรับประทาน” ในหัวข้อต่อไปแอดมินจะหาคำตอบทั้งหมดจากการศึกษาและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และตรวจสอบว่าการรับประทานคอลลาเจนมีผลข้างเคียงหรือไม่ เพื่อให้คุณทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับว่าคนที่มีโรคบางประเภทควรงดรับประทานคอลลาเจนหรือไม่ ร่วมเรียนรู้เกี่ยวกับความเข้าใจที่ลึกซึ้งในเรื่องนี้เพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
การรับประทานเสริมอาหารคอลลาเจนสามารถนำมาซึ่งผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้เนื่องจากสารสกัดและสารเคมีที่มีการเพิ่มเข้าไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและระยะเวลาการใช้งาน ดังนั้น ควรทราบถึงผลข้างเคียงของการรับประทานคอลลาเจนที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะเริ่มการรับประทาน
การรับประทานคอลลาเจนแบบธรรมชาติจากผักและผลไม้เป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มคอลลาเจนในร่างกาย อย่างไรก็ตาม คอลลาเจนในรูปแบบของอาหารเสริมอาจจะประกอบด้วยสารเคมีและวิตามินอาจไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีบางชนิดของโรคประจำตัว เช่น โรคลิ่มเลือดหัวใจ โรคธาลัสซีเมีย โรคไต โรคไวรัสตับ และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ดังนั้น ก่อนรับประทานควรศึกษาข้อควรรู้ก่อนเลือกทานคอลลาเจนและควรเลือกคอลลาเจนที่เหมาะสมและปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการดูแลสุขภาพของคุณ
การรับประทานคอลลาเจนเป็นเรื่องที่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากมีหลายแหล่งผลิตและมีความเสี่ยงที่จะมีผลข้างเคียงต่อบางคน ดังนี้:
ทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าเป็นการมัดรวมเนื้อหาที่เกี่ยวกับคอลลาเจนธรรมชาติและคอลลาเจนประเภทอาหารเสริมเพื่อให้ทุกคนได้เกิดความเข้าใจในการเลือกรับประทาน อีกทั้งยังมีการลงลึกถึงเนื้อหาการเลือกรับประทานคอลลาเจน เหมาะกับอายุ และโรคประจำตัวของบางคนเพื่อตอบโจทย์ใครบ้างที่สามารถรับประทานคอลลาเจน หวังว่าบทความชิ้นนี้จะทำให้หลาย ๆ คนเห็นความสำคัญของการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนได้มากยิ่งขึ้น
อ้างอิง:
–At What Age Does Collagen Production Slow Down And When Can You Start Taking Collagen Supplements?. https://revivecollagen.com/blogs/news/at-what-age-does-collagen-production-slow-down-and-when-you-can-start-taking-collagen-supplements
–Health Benefits of Collagen. https://www.webmd.com/diet/collagen-health-benefits