ข้อควรรู้ก่อนทานคอลลาเจน มีอะไรบ้าง? ใครบ้างที่สามารถรับประทานได้ ?? ในปัจจุบันนี้ตามท้องตลาดเต็มไปด้วยอาหารเสริมมากมาย และหนึ่งในประเภทอาหารเสริมที่ทุกคนจะต้องได้ยินกันอยู่บ่อยครั้ง คงหนีไม่พ้นกับชื่อของคอลลาเจน ที่จริง ๆ แล้วนี่เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่พบได้มากในหลอดเลือด และเส้นเอ็น อีกทั้งยังพบคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของผิวหนัง ที่มีได้มากถึง 90% ของส่วนประกอบใต้ผิวหนังกันเลยทีเดียว ทำให้หลายครั้งจะพบได้ว่าในสื่อการโฆษณามักจะพูดถึงข้อดีของคอลลาเจนเกี่ยวกับเรื่องผิวพรรณเป็นหลักอย่างไม่น่าแปลกใจ
อย่างไรก็ดี การกินคอลลาเจน ผลข้างเคียงไหม, มีอะไรบ้างโรคที่ห้าม กินคอลลาเจน หรือกินคอลลาเจนนานแค่ไหนเห็นผล ทั้งหมดนี้ยังเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยังไม่ได้ทราบอย่างแน่ชัด ซึ่งในบทความชิ้นนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกกับข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อคอลลาเจนยี่ห้อดีที่สุดในตลาด รับรองได้ว่าใครที่มีข้อสงสัยในการรับประทานอาหารเสริมผิวประเภทนี้จะได้คำตอบจากบทความชิ้นนี้ไปอย่างแน่นอน
คอลลาเจนถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีให้เห็นกันอยู่ทั่วไป และยังมีหลากหลายแบรนด์เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภค แต่สิ่งที่ผู้บริโภครู้เกี่ยวกับข้อควรรู้ก่อนทานคอลลาเจนนั้นค่อนข้างน้อยมาก ข้อมูลในส่วนนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และควรรู้ก่อนตัดสินใจรับประทานเข้าสู่ร่างกาย อย่าให้การตลาดของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสร้างความเชื่อ และโน้มน้าวให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อ หรือใช้บริการโดยที่ยังไม่ได้ทราบข้อมูลทั้งหมดของผลิตภัณฑ์
เบื้องต้นแล้วคอลลาเจนนี้เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสร้างเองได้ คาดว่าเมื่อผู้อ่านรู้ข้อเท็จจริงในส่วนนี้น่าจะเกิดความสงสัยเพิ่มเติมที่ว่าถ้าร่างกายสร้างเองได้ แล้วทำไมถึงต้องรับประทานเพิ่ม หรือเกิดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจำนวนมากอย่างในปัจจุบัน นั้นก็เพราะว่าร่างกายตั้งแต่เด็กจนถึงวัยรุ่นตอนปลายสามารถผลิตคอลลาเจนได้อย่างเต็ม จนกระทั่งอายุเข้า 25 ปี ร่างจะค่อย ๆ ลดปริมาณการสร้างคอลลาเจน และยังทำให้คอลลาเจนที่เคยมีมาเสื่อมถอยลงไป 1.5% ต่อปี และจะลดลงอย่างหนักมากขึ้นหลังอายุ 30 ปีเป็นต้นไป ฉะนั้นแล้วคอลลาเจนเหมาะกับคนอายุเท่าไหร่คุณคงพอจะทราบแล้ง เพราะโดยปริมาณการถดถอยของคอลลาเจนจะพุ่งทะลุไปจนถึง 30% กันเลยทีเดียว
และนี่เป็นเหตุผลหลักว่าทำไมถึงแม้ร่างกายจะสามารถผลิตคอลลาเจนเองได้ แต่การรับประทานคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายยังคงเป็นเรื่องที่จำเป็น หากคุณไม่ทราบเรื่องนี้ก็อาจจะทำให้การรับประทานคอลลาเจนไม่ได้มีความสม่ำเสมอ และไร้เป้าหมาย เรื่องของข้อควรรู้ก่อนทานคอลลาเจนยังมีอีกมาก สามารถติดตามได้เพิ่มเติมในเนื้อหาต่อจากนี้
การรับประทานคอลลาเจนนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ คอลลาเจนแบบธรรมชาติ และคอลลาเจนแบบอาหารเสริม กรณีที่เป็นคอลลาเจนธรรมชาติที่หาทานได้จากผัก และผลไม้สามารถรับประทานได้เลยตามความเหมาะสม เนื่องจากเป็นคอลลาเจนที่ไม่เจือปนกับสารเคมีอื่น ๆ แต่กรณีคอลลาเจนแบบอาหารเสริมนั้นไม่เหมือนกัน เนื่องจากมีส่วนผสมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน หรือสารเคมีประเภทวัตถุกันเสีย ทำให้ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางประเภทไม่สามารถรับประทานคอลลาเจนชนิดนี้ได้ ผู้ป่วยที่มีโรคดังนี้ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานคอลลาเจนประเภทอาหารเสริมโดยเด็ดขาด
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นรายชื่อโรคที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ และยังไม่พร้อมสำหรับการรับประทานอาหารเสริม หากต้องการเพิ่มคอลลาเจนให้กับร่างกายจริง ๆ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน หรือปรึกษากับแพทย์ผู้ดูแลเคสเพื่อให้ได้ลู่ทางในการดูแลร่างกายที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากที่สุด
นอกเหนือจากโรคที่ห้าม กินคอลลาเจนแล้ว ยังมีกลุ่มคนอื่น ๆ อีกด้วยที่จำเป็นต้องปรึกษากับแพทย์ก่อนเลือกรับประทานคอลลาเจน เนื่องจากคอลลาเจนที่เป็นรูปแบบอาหารเสริมมีแหล่งการผลิตที่หลากหลาย และมีส่วนประกอบที่เป็นจุดขายเฉพาะตัว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะอาจมีกลุ่มคนที่แพ้ หรือเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
1. คนที่เคยมีอาการแพ้ส่วนผสมผลิตภัณฑ์คอลลาเจน
หากคุณเป็นผู้ที่มีอาการแพ้กับบางส่วนผสม และเคยมีประวัติอาการแพ้อย่างชัดเจน ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์คอลลาเจนควรศึกษารายละเอียดของส่วนผสมให้ดี เพื่อเลี่ยงอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หรือในทางที่ดีแล้วคุณควรนำคอลลาเจนที่สนใจไปปรึกษากับแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยของผู้รับประทาน
2. คนที่แพ้อาหารทะเล
แทบทุกแบรนด์ในปัจจุบันที่ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนมีส่วนผสมของปลาทะเลน้ำลึก ทำให้การรับประทานคอลลาเจนของคนมีอาการแพ้อาหารทะเลอาจไม่เป็นที่แนะนำ หากคุณเป็นผู้ที่มีอาการแพ้เพียงเล็กน้อย และต้องการรับประทานคอลลาเจนเพื่อบำรุงร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกรับประทาน เพราะในบางกรณีที่มีประวัติแพ้อาหารทะเลระดับรุนแรง การเลือกรับประทานคอลลาเจนอาจทำให้คุณมีความเสี่ยงถึงชีวิตกันเลยทีเดียว
3. คนที่มีโรคประจำตัว และต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง
ตามรายละเอียดที่ได้กล่าวไปก่อนหน้าว่าผู้ที่มีโรคประจำตัวอาจไม่เหมาะกับการเลือกรับประทานคอลลาเจน ยิ่งในกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว และต้องรับประทานยาเพื่อรักษาอาการ การรับประทานคอลลาเจนอาจทำให้ยามีประสิทธิภาพลดลง หรือเกิดอาการแพ้จากการกินคอลลาเจน ผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้
4. คนที่รอผ่าตัด
ระหว่างที่กำลังรอคุณหมอดำเนินการผ่าตัดนั้น เป็นช่วงที่ร่างกายต้องการความพร้อมมากที่สุด เพื่อให้ขั้นตอนการผ่าตัดสามารถผ่านไปได้ด้วยดี การรับประทานคอลลาเจน หรืออาหารเสริมที่ทางแพทย์ไม่ได้อนุญาตนั้น อาจทำให้การผ่าตัดเกิดความยากลำบาก ที่อันตรายถึงชีวิตได้เลย
5. กินคอลลาเจนนานแค่ไหนเห็นผล
เชื่อว่าทุกคนที่เลือกรับประทานคอลลาเจนต่างก็ต้องการผลลัพธ์ทั้งในแง่ของสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น และผิวพรรณที่ดูดีกว่าเดิม แน่นอนว่าการรับประทานคอลลาเจนสามารถช่วยในเรื่องเหล่านั้นได้ดี แต่ต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ และต้องกินต่อเนื่องมากแค่ไหนนั้น จากการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของต่างประเทศพบว่า
สำหรับผู้ที่รับประทานคอลลาเจนในปริมาณ 2.5-10 กรัมต่อวันนาน 8-12 สัปดาห์ (2-3 เดือน) จะช่วยทำให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น และนุ่มฟูดูอิ่มน้ำได้อย่างธรรมชาติ
สำหรับผู้ที่รับประทานคอลลาเจนในปริมาณ 2-10 กรัมต่อวันนาน 10-48 สัปดาห์ (3-12 เดือน) จะช่วยบำรุงกระดูก และข้อต่อให้กลับมาแข็งแรง อีกทั้งยังลดอาการบาดเจ็บจากโรคข้อเข่าเสื่อมได้อีกด้วย
เชื่อว่าในตอนนี้หลาย ๆ คนจะเข้าใจภาพรวม และเหตุผลที่ทำไมถึงต้องรับประทานคอลลาเจนเพิ่มเติม ทั้ง ๆ ที่ร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนได้เองอยู่แล้ว แต่เพราะยิ่งอายุมาก และชีวิตประจำวันที่โลดโผน ทำให้ในหลายครั้งคุณอาจเผลอทำลายวิตามิน และคอลลาเจนในชั้นผิวไปแบบไม่รู้ตัว หากคุณกำลังมีแผนในการรับประทานคอลลาเจนกัน การกินคอลลาเจน ห้ามกินอะไรเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่คุณควรรู้กันไว้ให้ดี
1. เลี่ยงการกินกับผัก และผลไม้ที่มีน้ำมาก
ทั้งที่เนื้อหาก่อนหน้าของบทความแนะนำให้คุณเลือกรับประทานคอลลาเจนจากผัก และผลไม้เป็นหลัก นั้นเป็นสิ่งที่ดี และแพทย์หลายคนแนะนำ แต่อย่างไรก็ดีให้เลี่ยงการรับประทานผัก และผลไม้ที่มีน้ำเยอะอย่าง แตงโม, แตงกวา หรือแตงไทย เพราะผักผลไม้ที่มีน้ำเยอะจะช่วยทำให้ร่างกายขับน้ำส่วนเกินออกมา และอาจทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่
2. หยุดกินพร้อมกับผลิตภัณฑ์ Detox
การรับประทานคอลลาเจน และผลิตภัณฑ์ Detox พร้อม ๆ กันนั้น อาจเป็นการขัดขวางการดูดซึมของคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายก็เป็นได้ แพทย์จึงไม่แนะนำให้รับประทานร่วมกัน เพราะคุณอาจเสียค่าใช้จ่ายของคอลลาเจนไปแบบฟรี ๆ และไม่ได้ผลลัพธ์กับร่างกายตามที่คาดหวังไว้ แต่ในกรณีที่คุณจำเป็นต้องรับประทาน Detox จริง ๆ ควรปรึกษากับแพทย์เพื่อความปลอดภัยของร่างกาย หรือเว้นระยะห่างจากการรับประทานคอลลาเจนมากกว่า 2-3 ชม. ก็จัดว่าเป็นช่วงระยะที่ปลอดภัยในการรับประทานคอลลาเจน และผลิตภัณฑ์ Detox ภายในวันเดียวกัน
3. ดื่มพร้อมกับเครื่องดื่มรสหวาน
สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้เกี่ยวกับแป้ง หรือน้ำตาลนั้นเป็นภัยเงียบทำลายผิวสวย เพราะทั้งแป้ง และน้ำตาลต่างเป็นตัวการทำลายรูปร่างของคอลลาเจนจนเสียหาย และเปราะบางกว่าที่ควรจะเป็น ใครที่ชื่นชอบการรับประทานคอลลาเจนแบบผงอาจจะต้องสังเกตดี ๆ ว่ามีส่วนผสมของน้ำตาล และแป้งหรือไม่ เพื่อให้คอลลาเจนที่เข้าสู่ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
4, รับประทานพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
อาจจะไม่ได้ส่งผลเสียกับการรับประทานคอลลาเจนโดยตรงแต่อย่างไร แต่การดื่มแอลกอฮอล์นั้นทำให้การดูดซึมของร่างกายแย่ลง แน่นอนว่าด้วยเหตุนี้ทำให้คอลลาเจนอาจไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่ ใครที่ต้องการดื่มแอลกอฮอล์จริง ๆ อาจจะต้องดื่มหลังจากที่รับประทานคอลลาเจนไป 2-3 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
ได้รู้กันไปแล้วว่าควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอะไรในขณะที่นำคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกาย ในเนื้อหาส่วนนี้จะขอแนะนำว่าแล้วในทางตรงกันข้ามมีอะไรบ้างที่คุณควรดื่ม หรือรับประทานเข้าสู่ร่างกาย เพื่อให้คอลลาเจนสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น และเสริมประสิทธิภาพในการดูดซึมของคอลลาเจนให้ดีกว่าที่เป็นอยู่
การดื่มน้ำนั้นแทบจะเป็นตัวช่วยที่สำคัญที่เสริมแรงให้คอลลาเจนให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยทำให้คอลลาเจนสามารถดูดซึมได้ดี ใครที่อยากให้ผลลัพธ์ของการดื่มคอลลาเจนเห็นผลได้เร็วขึ้น การดื่มน้ำตามอย่างน้อย 2 แก้วเป็นอย่างต่ำเป็นสิ่งที่ไม่ควรลืม
หากพูดถึงคุณสมบัติของคอลลาเจนอย่างการบำรุงผิวพรรณให้สว่างใส และผิวนุ่มชุ่มชื้นแล้ว ผลลัพธ์ในส่วนนี้จะยิ่งชัดเจนมากขึ้น ถ้าคุณได้ลองรับประทานคอลลาเจนควบคู่ไปกับวิตามินซีที่พื้นฐานแล้วมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวคล้ำเสีย ชะลอความแก่ และลดริ้วรอยแห่งวัย
การบริโภคคอลลาเจนมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงอายุที่เพิ่มขึ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกายก็มีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพผิวพรรณและระบบข้อกระดูกได้ ในหัวข้อต่อไปจะพูดถึงคำแนะนำในการบริโภคคอลลาเจนตามช่วงอายุ เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์ที่เหมาะสมสำหรับความต้องการและสภาวะร่างกายของคุณ พร้อมแนะนำวิธีที่คุณสามารถเสริมคอลลาเจนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและเหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มคอลลาเจนในรูปแบบที่ไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์เสริมหรือสารเคมีใด ๆ
การบริโภคคอลลาเจนควรพิจารณาในมุมมองของอายุเนื่องจากความต้องการของคอลลาเจนสำหรับร่างกายจะแตกต่างตามช่วงอายุที่ต่างกัน ทั้งนี้เด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปีไม่แนะนำให้บริโภคคอลลาเจนเป็นอาหารเสริม เพราะร่างกายกำลังเจริญเติบโตและสามารถผลิตคอลลาเจนได้เองอย่างมีประสิทธิภาพ หากสงสัยว่าคอลลาเจนเหมาะกับคนอายุเท่าไหร่ คำตอบคือควรเริ่มทานตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไปตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์
เมื่อคนเราครบอายุ 30 ปีขึ้นไป การผลิตคอลลาเจนภายใต้ชั้นผิวหนังจะลดลงอย่างมาก ทำให้ริ้วรอย ความชุ่มชื้นของผิว และส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะแสดงให้เห็นว่าภายในมีคอลลาเจนน้อยลงเมื่อเทียบกับอดีต ในการเลือกรับประทานคอลลาเจนเราควรจะให้ความสำคัญกับอายุที่แตกต่างกัน ดังนี้
การเสริมสร้างคอลลาเจนในร่างกายไม่จำเป็นต้องพึ่งอาหารเสริมหรือการฉีดสารอย่างเดียวเท่านั้น เนื่องจากมีวิธีธรรมชาติที่สามารถส่งเสริมการผลิตคอลลาเจนได้ ไม่ต้องใช้เงินทุนลงทุน ซึ่งข้อดีของคอลลาเจนที่คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองและช่วยประหยัดเงินได้ มีดังนี้
นี่ก็เป็นข้อควรรู้ก่อนทานคอลลาเจนสำหรับคนที่กำลังวางแผนในการหาซื้อคอลลาเจนมารับประทานกัน ใครที่มีเงินทุนไม่สูงมาก และต้องการเพิ่มคอลลาเจนในชั้นผิว สามารถหาคอลลาเจนจากธรรมชาติอย่างผักสีเขียว และผลไม้เพื่อเสริมสร้าง และกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวกันได้แบบง่าย ๆ ที่สำคัญควรดื่มอะไรคู่กันกับคอลลาเจน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และเสริมประสิทธิภาพของคอลลาเจนอีกด้วย
อ้างอิง:
โรคที่ห้าม กินคอลลาเจน ทานแล้วอันตราย มีโรคอะไรบ้าง?. https://www.charmace.com/article/6188.html
กินคอลลาเจน ห้ามกินอะไร ? กินคอลลาเจนยังไงไม่เสียเปล่า. https://www.true-shopping.com/blog/food-avoid-when-taking-collagen