ในช่วงฤดูหนาวหลายคนมักประสบปัญหาผิวที่แห้ง แตก หรือระคายเคืองมากขึ้นกว่าปกติ สภาพอากาศที่เย็นและแห้งส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพผิวของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความชื้นในอากาศลดลงอย่างมาก และการใช้เครื่องทำความร้อนภายในบ้านยิ่งเป็นตัวเร่งให้ความชื้นในผิวหนังระเหยออกไปเร็วขึ้น ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการระคายเคืองต่าง ๆ การให้ความสำคัญกับการดูแลและฟื้นฟูผิวในช่วงฤดูหนาวจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้น แต่ยังเป็นการเตรียมพร้อมให้ผิวสามารถต้านทานต่อสภาพอากาศที่แปรปรวนได้ดียิ่งขึ้น ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุหลักของปัญหาผิว พร้อมแนะนำ วิธีรับมือปัญหาผิวในช่วงหน้าหนาว นอกจากนี้ จะแนะแนวทางในการฟื้นฟูผิวที่อาจได้รับความเสียหาย เคล็ดลับเพิ่มเติมในการดูแลตัวเอง เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับความท้าทายของสภาพอากาศในฤดูหนาวได้อย่างมั่นใจ และมีผิวสวยสุขภาพดีตลอดฤดูกาล
สาเหตุปัญหาผิวในช่วงหน้าหนาว
ช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาผิวหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งกร้าน ผิวลอกเป็นขุย หรือผิวแตกเป็นร่อง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่อาจไม่เหมาะสม การทำความเข้าใจถึงสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถรับมือและป้องกันปัญหาผิวในช่วงหน้าหนาวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต่อไปนี้คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสภาพผิวในช่วงฤดูหนาว
1. ความชื้นในอากาศต่ำ
ในช่วงฤดูหนาว ระดับความชื้นในอากาศลดลงอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากอากาศที่เย็นและแห้ง การสูญเสียความชุ่มชื้นจากผิวหนังจึงเกิดขึ้นง่าย ทำให้ผิวแห้งกร้านและลอกเป็นขุยได้ง่าย แม้แต่คนที่มีผิวมันในฤดูอื่นก็อาจพบปัญหาผิวแห้งได้เช่นกัน
2. ลมแรงและอากาศเย็น
ลมแรงและอากาศเย็นที่สัมผัสผิวโดยตรง โดยเฉพาะบริเวณที่ไม่ได้รับการปกปิด เช่น ใบหน้า มือ และริมฝีปาก ส่งผลให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ลมแรงยังทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง บางครั้งอาจถึงขั้นเกิดรอยแดงหรือผิวแตกเป็นแผล
3. การใช้เครื่องทำความร้อน
เครื่องทำความร้อนที่ใช้ในบ้านเพื่อให้อบอุ่นในช่วงฤดูหนาว มักทำให้อากาศภายในห้องแห้งลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวแห้งและแตกง่ายยิ่งขึ้น หากไม่มีการเพิ่มความชื้นในอากาศ เช่น การใช้เครื่องเพิ่มความชื้น ปัญหาผิวแห้งอาจยิ่งรุนแรงขึ้น
4. การอาบน้ำอุ่น
แม้ว่าน้ำอุ่นจะช่วยผ่อนคลายในอากาศหนาว แต่การอาบน้ำอุ่นนาน ๆ หรือใช้อุณหภูมิน้ำที่สูงเกินไป จะทำให้ผิวสูญเสียน้ำมันธรรมชาติที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นบนผิวหนัง เมื่อชั้นปกป้องผิวถูกทำลาย ผิวจะแห้งและแตกง่ายขึ้น
5. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม
ในช่วงหน้าหนาว หากยังคงใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบเดิมที่ไม่มีส่วนผสมช่วยให้ความชุ่มชื้นสูง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์หรือสบู่ที่มีฤทธิ์แรง จะยิ่งทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ง่าย
6. การดื่มน้ำไม่เพียงพอ
ในช่วงฤดูหนาว หลายคนมักดื่มน้ำน้อยลง เพราะไม่รู้สึกกระหายเหมือนช่วงที่อากาศร้อน แต่การดื่มน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายขาดความชุ่มชื้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อผิวหนัง ทำให้ผิวแห้งและดูไม่สดใส
สาเหตุเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ผิวในช่วงหน้าหนาวเกิดความแห้งกร้านและเสียสมดุลได้ง่าย ดังนั้น การทำความเข้าใจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญต่อการป้องกันปัญหาผิวในช่วงฤดูหนาว
วิธีรับมือปัญหาผิวในช่วงหน้าหนาว
การดูแลผิวในช่วงฤดูหนาวเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งและเย็นสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพผิวของเรา การให้ความสำคัญกับการดูแลผิวในช่วงนี้จะช่วยป้องกันปัญหาผิวแห้ง แตก และลอกเป็นขุย ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในหน้าหนาว นอกจากนี้ การดูแลทั้งผิว ผม เล็บ อย่างถูกวิธียังช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวคงความสุขภาพดี มีความยืดหยุ่น และดูเปล่งปลั่งแม้ในสภาพอากาศที่ท้าทาย การปฏิบัติตามคำแนะนำด้านการดูแลผิวที่เหมาะสมไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันปัญหาผิวที่อาจเกิดขึ้น แต่ยังสามารถแก้ไขปัญหาผิวที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองมาดู วิธีรับมือปัญหาผิวในช่วงหน้าหนาว กัน
1. เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม
- ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นสูง เช่น กลีเซอรีน เซราไมด์ หรือเชียบัตเตอร์ เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์หรือสารที่ทำให้ผิวระคายเคือง เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้ง
- ใช้ครีมที่มีเนื้อหนัก (heavy cream) มากกว่าครีมที่มีเนื้อเบาในช่วงฤดูหนาว เพราะจะช่วยสร้างเกราะป้องกันความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดียิ่งขึ้น
2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการอาบน้ำ
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัด เพราะอุณหภูมิที่สูงจะดึงน้ำมันธรรมชาติออกจากผิว
- ใช้เวลาอาบน้ำไม่เกิน 10 นาที เพื่อลดการสูญเสียน้ำมันบนผิว
- หลังอาบน้ำ ควรซับตัวเบา ๆ ด้วยผ้าขนหนู และทามอยส์เจอไรเซอร์ทันทีขณะที่ผิวยังชื้นเล็กน้อย เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
3. ปกป้องผิวจากลมและอากาศเย็น
- สวมเสื้อผ้าที่อบอุ่น เช่น ผ้าพันคอ ถุงมือ และหมวก เพื่อปกป้องผิวจากลมแรงและอากาศเย็น
- ทาลิปบาล์มหรือลิปมัน เพื่อป้องกันริมฝีปากแห้งและแตก
- ใช้ครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน แม้ในวันที่ไม่มีแสงแดดจัด เพราะรังสียูวียังสามารถทำร้ายผิวได้
4. เพิ่มความชุ่มชื้นในบ้าน
- ใช้เครื่องเพิ่มความชื้น (humidifier) เพื่อลดความแห้งของอากาศในบ้าน ซึ่งจะช่วยให้ผิวรักษาความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการเปิดเครื่องทำความร้อนในบ้านตลอดเวลา หากจำเป็น ควรตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบต่อผิว
5. ดูแลผิวจากภายใน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวจากภายใน
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ปลาแซลมอน ถั่ว และผักใบเขียว ที่อุดมไปด้วยโอเมก้า-3 และวิตามินอี ซึ่งช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและแข็งแรง
6. ดูแลผิวบริเวณที่บอบบางเป็นพิเศษ
- ใช้ครีมบำรุงที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับมือและเท้า เพราะบริเวณนี้มักแห้งและแตกง่ายในช่วงหน้าหนาว
- ทามอยส์เจอไรเซอร์ก่อนนอนและใส่ถุงมือหรือถุงเท้าผ้าฝ้าย เพื่อช่วยเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว
การดูแลผิวในฤดูหนาวไม่ใช่เรื่องยาก หากปฏิบัติตามขั้นตอนและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ผิวของคุณจะยังคงความชุ่มชื้นและสวยใสแม้ในสภาพอากาศที่แห้งและเย็น
วิธีการฟื้นฟูผิวหลังจากที่แห้งเสีย
เมื่อผิวได้รับผลกระทบจากความแห้ง แตก หรือระคายเคืองในช่วงหน้าหนาว การฟื้นฟูผิวให้กลับมาสุขภาพดีและมีความชุ่มชื้นเป็นสิ่งที่สำคัญ กระบวนการฟื้นฟูผิวควรทำอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวและป้องกันปัญหาผิวในระยะยาว
1. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ลึกยิ่งขึ้น
- ใช้มอยส์เจอไรเซอร์สูตรเข้มข้น: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค แอซิด เซราไมด์ หรือเชียบัตเตอร์ ซึ่งช่วยกักเก็บน้ำในผิวได้ยาวนาน
- มาสก์หน้าเพื่อฟื้นฟูผิว: ใช้มาสก์ที่ให้ความชุ่มชื้นสูงอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อช่วยลดอาการลอกและแห้งของผิว
- น้ำมันบำรุงผิว (Facial Oils): ใช้น้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติ เช่น อาร์แกน ออยล์ หรือโจโจ้บา ออยล์ ซึ่งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวที่แห้งเสียได้อย่างล้ำลึก
2. ปกป้องผิวในระหว่างการฟื้นฟู
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง: หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารเคมีที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง
- ป้องกันรังสียูวี: แม้ในช่วงฤดูหนาว ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีที่ยังสามารถทำลายผิวได้
- สวมเสื้อผ้าที่นุ่มและไม่ระคายเคือง: เลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าขนสัตว์ที่อ่อนนุ่ม เพื่อลดการเสียดสีและการระคายเคือง
3. หลีกเลี่ยงการขัดหรือถูผิว
- งดการขัดผิวที่แห้งเสีย: ในช่วงที่ผิวแห้งและแตก ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวหรือการถูผิวแรง ๆ เพราะจะทำให้ผิวแย่ลงและเสี่ยงต่อการเกิดแผล
- ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน: เลือกคลีนเซอร์ที่ไม่มีฟองหรือมีค่า pH ใกล้เคียงกับผิว เพื่อทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน และไม่ทำลายความชุ่มชื้นของผิว
4. เสริมสร้างสุขภาพผิวจากภายใน
- ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ: ควรดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวได้รับความชุ่มชื้นจากภายใน
- รับประทานอาหารบำรุงผิว: เพิ่มอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 วิตามินอี และสังกะสี เช่น ปลา ถั่ว เมล็ดพืช และผักใบเขียว เพื่อช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
- รับประทานอาหารเสริมหากจำเป็น: วิตามินซีและคอลลาเจนสามารถช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูผิว และทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้น
5. ปรับสภาพแวดล้อมเพื่อช่วยฟื้นฟูผิว
- ใช้เครื่องเพิ่มความชื้น: หากอากาศในบ้านแห้งเกินไป ควรใช้เครื่องเพิ่มความชื้น (humidifier) เพื่อช่วยสร้างสมดุลความชื้นในอากาศ
- ควบคุมอุณหภูมิในบ้าน: หลีกเลี่ยงการตั้งเครื่องทำความร้อนให้ร้อนเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้อากาศแห้งและกระทบต่อผิว
6. บำรุงเฉพาะจุดที่แห้งเสียหนัก
- ดูแลมือและเท้า: ใช้ครีมบำรุงที่มีความเข้มข้นพิเศษสำหรับมือและเท้า และสวมถุงมือหรือถุงเท้าหลังทาครีม เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
- ดูแลริมฝีปาก: ใช้ลิปบาล์มหรือลิปมันที่มีส่วนผสมของขี้ผึ้งหรือเชียบัตเตอร์ เพื่อป้องกันริมฝีปากแห้งแตก
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการดูแลตัวเองช่วงหน้าหนาว
ในช่วงฤดูหนาว การดูแลตัวเองไม่ได้จำกัดเพียงแค่การปกป้องผิว แต่ยังรวมถึงการดูแลร่างกายและสุขภาพในด้านอื่น ๆ เพื่อให้คุณมีสุขภาพดีทั้งภายในและภายนอก ต่อไปนี้คือเคล็ดลับเพิ่มเติมที่ควรนำไปปฏิบัติในช่วงหน้าหนาว
1. สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม
- เสื้อผ้าหนาและอบอุ่น: เลือกสวมใส่เสื้อผ้าหลายชั้น รวมถึงเลือกชุดนอนให้เหมาะสม เพื่อป้องกันความเย็น โดยเฉพาะผ้าที่สามารถกักเก็บความร้อน เช่น ผ้าขนสัตว์หรือผ้าฝ้าย
- ปกป้องบริเวณผิวที่สัมผัสลม: ใช้ผ้าพันคอ หมวก และถุงมือ เพื่อปกป้องผิวจากลมแรงและอากาศเย็น ซึ่งช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นและป้องกันผิวแห้ง
- ถุงเท้าสำหรับเท้าแห้ง: ใส่ถุงเท้าฝ้ายหรือถุงเท้าขนสัตว์ เพื่อให้เท้าชุ่มชื้นและอบอุ่นตลอดทั้งวัน
2. ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
- ลดการอาบน้ำอุ่นนานเกินไป: แม้ว่าน้ำอุ่นจะช่วยให้ผ่อนคลาย แต่การอาบน้ำอุ่นนานเกินไปสามารถทำลายเกราะป้องกันผิว ควรใช้น้ำที่อุ่นพอดีและเวลาอาบน้ำสั้นลง
- ดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ: แม้ว่าในฤดูหนาวคุณอาจไม่รู้สึกกระหายน้ำ แต่การดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้วจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นในร่างกายและผิว
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องทำความร้อนตลอดเวลา: หากต้องใช้ ควรตั้งอุณหภูมิให้พอเหมาะ และเสริมด้วยเครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศในบ้านแห้งเกินไป
3. อาหารและโภชนาการ
- รับประทานอาหารที่บำรุงผิว: อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า หรือถั่ว ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวจากภายใน
- เสริมวิตามิน: เลือกรับประทานผลไม้ที่มีวิตามินซี เช่น ส้ม กีวี หรือสตรอเบอร์รี เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและฟื้นฟูผิว
- ดื่มเครื่องดื่มอุ่น: การดื่มชาสมุนไพรหรือซุปอุ่น ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น แต่ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างดี
4. บำรุงร่างกายและผิวเพิ่มเติม
- ออกกำลังกายเบา ๆ: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพผิวและช่วยให้ร่างกายอบอุ่น
- มาสก์หน้าธรรมชาติ: ใช้มาสก์ที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น น้ำผึ้ง โยเกิร์ต หรือแตงกวา เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิว
- นอนหลับให้เพียงพอ: การพักผ่อนอย่างเพียงพอช่วยให้ผิวฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติ
5. ดูแลสุขภาพจิต
- สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นในบ้าน: การเพิ่มความอบอุ่นในบ้าน ด้วยการตกแต่งหรือการสร้างพื้นที่พักผ่อนที่สบาย สามารถช่วยลดความเครียดในช่วงหน้าหนาวได้
- ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย: อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือทำสมาธิ เพื่อลดความเครียด ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพผิวโดยตรง
วิธีรับมือปัญหาผิวในช่วงหน้าหนาว ต้องให้ความสำคัญกับการปกป้องและฟื้นฟูผิวจากปัจจัยที่ทำให้แห้งและเสียหาย การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสม การลดการใช้น้ำอุ่น และการดื่มน้ำให้เพียงพอสามารถช่วยให้ผิวกลับมาสุขภาพดีได้ การฟื้นฟูผิวในช่วงหน้าหนาวควรทำอย่างต่อเนื่องและระมัดระวัง การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันสามารถช่วยให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น สุขภาพดี และสวยใสได้อีกครั้ง นอกจากนี้ การป้องกันผิวจากลมแรงและแสงแดด รวมถึงการดูแลตัวเองด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพผิวให้แข็งแรงและสวยใสดังเดิมในทุกฤดู
คำถามที่พบบ่อย
1. ผิวแห้งในหน้าหนาวควรทำอย่างไร?
ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เช่น เซราไมด์หรือกลีเซอรีน หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นเป็นเวลานาน ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และใช้ลิปบาล์มเพื่อปกป้องริมฝีปากจากอากาศแห้ง
2. การใช้เครื่องเพิ่มความชื้นช่วยเรื่องผิวแห้งได้อย่างไร?
เครื่องเพิ่มความชื้นช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ ลดปัญหาผิวแห้งที่เกิดจากอากาศภายในบ้านที่แห้งเกินไป นอกจากนี้ ยังช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองจมูกและลำคอ ทำให้หายใจสะดวกขึ้น และส่งเสริมการนอนหลับที่มีคุณภาพ ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพผิวโดยรวม
3. จำเป็นต้องทาครีมกันแดดในหน้าหนาวหรือไม่?
จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะรังสียูวียังคงมีผลกระทบต่อผิว แม้ในวันที่มีแสงแดดน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีหิมะ เนื่องจากหิมะสามารถสะท้อนรังสียูวีได้ถึง 80% ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF อย่างน้อย 30 และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงหากอยู่กลางแจ้ง
4. ผิวแตกในหน้าหนาวควรฟื้นฟูอย่างไร?
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นสูง เช่น เซรั่มไฮยาลูรอนิค แอซิด ครีมที่มีส่วนผสมของเซราไมด์หรือสควาเลน และหลีกเลี่ยงการขัดผิวที่รุนแรง นอกจากนี้ ควรใช้ครีมหรือน้ำมันที่มีคุณสมบัติในการซ่อมแซมผิว เช่น วิตามินอี หรือน้ำมันอาร์แกน ทาบริเวณที่แห้งแตกเป็นประจำ และห่อหุ้มผิวด้วยเสื้อผ้าที่นุ่มและอบอุ่น เพื่อป้องกันการระคายเคืองเพิ่มเติม
อ้างอิง
- “10 tips for protecting your skin in the cold weather,” Nyp, November 16, 2024, https://www.nyp.org/patients-and-visitors/advances-consumers/issues/10-tips-for-protecting-your-skin-in-the-cold-weather
- Jamie Eske, “What to know about winter rash,” Medicalnewstoday, July 16, 2024, https://www.medicalnewstoday.com/articles/324532
- Debbie Koenig, “Winter Skin Woes? Here’s What to Do – and What Not to Do,” Webmd, December 26, 2023, https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/eczema/news/20231226/winter-weather-skin-woes