เชื่อว่าทุกคนจะต้องเคยได้ยินชื่อของนวัตกรรมหน้าใสอย่าง มาเด้คอลลาเจน มาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะชื่อเสียงของนวัตกรรมกู้ผิวคล้ำเสีย ให้กลับมาหน้าใสได้แบบเห็นผลเป็นที่ฮือฮาของคนในโลกโซเชียลกันมาหลายปีต่อเนื่อง หลายคนคงอยากที่จะรู้ว่าจริง ๆ แล้วมาเด้คืออะไร และช่วยให้เห็นผลลัพธ์ตามที่รีวิวได้จริงหรือไม่ ในบทความชิ้นนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทั้งทำความรู้จักกับมาเด้คอลลาเจนและพาไปเปรียบเทียบท้าชนกับอีกหนึ่งนวัตกรรมที่มีความใกล้เคียงกันกับเมโส หรือเมโสหน้าใสที่ใครหลายคนมักเรียกติดปาก ด้วยความที่ทั้ง 2 นวัตกรรมต่างก็ทำให้ผิวหน้าออกมาสวยใส แล้วอะไรคือความแตกต่าง คุณจะเหมาะกับมาเด้ หรือเมโสมากกว่ากัน ไปติดตามเนื้อหาที่นำมาฝากกันได้เลย
ในเนื้อหาส่วนแรกนี้ อยากจะพาทุกคนมารู้จักกับภาพรวมของมาเด้คอลลาเจน คือ อะไรกันก่อน จริง ๆ แล้วมาเด้ หรือ Made Collagen เป็นชื่อแบรนด์ยาสำหรับฉีดในการทำเมโสหน้าใสที่มาจากประเทศอิตาลี ความแตกต่างจากเมโสทั่วไปคือ การฉีดมาเด้จะใช้เทคนิคการฉีด 16 จุดทั่วใบหน้า เพื่อเป็นการขับสารพิษออกจากชั้นผิวหนัง ทำให้ลดผิวที่อักเสบจากสิว สิวลดลง จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครเป็นสิวง่าย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมักจะแนะนำให้ลองฉีดตัว มาเด้ คอลลาเจนนี้ ส่วนเรื่องปรับผิวกระจ่างใสนั้นเป็นหนึ่งในฟังก์ชันรองของตัวมาเด้ เรียกได้ว่าลดสิว ผิวอักเสบหาย และได้ผิวหน้ากระจ่างใสเป็นของแถมอีกด้วยนั้นเอง
เป็นหนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัยกันว่าแล้วมาเด้คอลลาเจน กับ เมโสหน้าใส แตกต่างกันไหม และแตกต่างกันอย่างไร นี่จะเป็นการมัดรวมข้อมูลที่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับมาเด้คอลลาเจน และเมโสหน้าใส พร้อมเปรียบเทียบเพื่อให้คุณได้เข้าใจ และเลือกใช้บริการได้อย่างตรงจุด
มาเด้นี้จะเป็นการฉีดยาเข้าสู่ผิวหน้า เพื่อกระตุ้นให้ผิวหน้าสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้น พร้อมกับเป็นการให้อาหารผิวที่จำเป็น โดยความพิเศษในการฉีดจะใช้เทคนิคการฉีด 16 จุดทั่วใบหน้า ทำให้วิตามินได้เข้าทุกส่วนของใบหน้า และยังเป็นการกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองให้ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น
ด้านผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับผิวหน้าคือ ขับสารพิษที่ตกค้างออกไปจากผิว ทำให้ผิวหน้าที่เป็นสิวง่าย เกิดสิวใหม่น้อยลง ลดรอยดำแดงได้ และยังช่วยปรับผิวให้ขาวสว่างขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย
จะเป็นลักษณะของการบำรุงอย่างล้ำลึกด้วยการใช้เข็มฉีดยาสะกิดผิว แต่ด้วยลักษณะของเข็มที่เล็กกว่าเส้นผม ทำให้ผู้รับบริการไม่เจ็บ หรือรู้สึกแสบระหว่างทำเลย การฉีดนี้ทำเพื่อให้เข้าถึงผิวชั้นใน ประสิทธิภาพในการบำรุงนั้นจะเข้มข้นมากกว่าการทาครีมหลายเท่า เพราะวิตามิน และสารอาหารที่ผิวต้องการนั้นถูกนำเข้าไปยังชั้นผิวได้เลยนั้นเอง
ผลลัพธ์ที่ผู้เข้าใช้บริการจะได้รับคือ ผิวหน้าเรียบเนียน ปรับผิวขาวใส และยังทำให้ลดรอยฝ้า กระ จุดดำ หรือรอยสิวที่หายยากได้ ที่เป็นจุดไฮไลท์ที่หลายคนชื่นชอบคือ การลดขนาดรูขุมขนบนใบหน้า
การฉีด: มาเด้ ฉีดยาทั่วหน้า 16 จุด vs เมโส ฉีดยาแบบสะกิดทั่วใบหน้า
ผลลัพธ์: มาเด้ เน้นการขับสารพิษ เหมาะกับผู้มีปัญหาสิวเรื้อรัง vs เมโส เน้นการบำรุงล้ำลึก เหมาะกับผู้มีปัญหาผิวหมอง
ความถี่ในการทำ มาเด้ หากต้องการรักษาผลลัพธ์จำเป็นต้องทำอย่างเป็นประจำ 1 ครั้ง / 2 สัปดาห์ Vs เมโส หากต้องการรักษาผลลัพธ์จำเป็นต้องทำอย่างเป็นประจำ ช่วงแรก 1 ครั้ง / สัปดาห์ หลังจาก ที่ผ่านเดือนแรกไปแล้ว รักษาความต่อเนื่องแค่ 1 ครั้ง / สัปดาห์
จะสังเกตได้ว่ามีความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง เมโสหน้าใส และมาเด้คอลลาเจน หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาผิวหน้าที่ขาดการบำรุงมาอย่างรุนแรง และต้องการบูสผิวให้กลับมาฉ่ำน้ำ ชุ่มชื้น ขาวใสเหมือนเดิม คำตอบของคุณคือ เมโส แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่กำลังเจอกับปัญหาสิว ผิวไม่แข็งแรง ไม่ว่าจะทายา หรือรักษาด้วยการกดสิวมากี่ครั้ง สิวก็ยังคงวนเวียนกลับมาเป็นเรื่อย ๆ ขอแนะนำให้ลอง มาเด้คอลลาเจน ที่จะเข้าไปให้อาหารผิว และจัดการกับสารพิษในชั้นผิว ทำให้หลังจากที่ฉีดประมาณ 4-7 วัน จะสังเกตได้ว่าปัญหาสิวค่อย ๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ใครที่แอบเล็งมาเด้คอลลาเจนอยู่ และอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกของมาเด้คอลลาเจน ว่าทำไมต้องฉีดยาทั่วหน้าถึง 16 จุด อาจจะต้องอธิบายว่าการฉีดมาเด้คอลลาเจนทั่วใบหน้าอาจจะถึง 16 หรือไม่ถึงขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้ดูแล แต่โดยส่วนมากแล้วจะมีการฉีด 16 จุด เพื่อให้กระจายไปทั่วหน้า เพื่อให้ยาที่ฉีดเข้าไปบำรุงไปถึงต่อมน้ำเหลือง ยิ่งต่อมน้ำเหลืองทำงานได้ดี และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ใบหน้าที่เคยหมองก็จะกู้กลับมาได้โดยเร็ว
หากเจาะลึกเรื่องขั้นตอนในการออกฤทธิ์ของมาเด้คอลลาเจน อาจจะต้องแบ่งระยะขั้นตอนของมาเด้เป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้
คาดว่าทุกคนน่าจะเข้าใจประโยชน์ของมาเด้คอลลาเจนไปบ้างแล้วไม่มากก็น้อย ในเนื้อหาส่วนนี้จะขอเจาะลึกเกี่ยวกับประโยชน์ของมาเด้ที่คุณไม่ควรพลาด พร้อมกับลงรายละเอียดว่าใครบ้างที่เหมาะกับการทำมาเด้คอลลาเจน ถ้าพร้อมกันแล้วไปติดตามเนื้อหากันต่อได้เลย
อย่างไรก็ดีหลังจากที่ 3 วัน คุณสามารถสังเกตได้เลยว่าปัญหาผิวอย่างเรื่องสิว และผิวที่อักเสบนั้นกลับฝ่อตัวลง ผิวหน้าเรียบเนียน และดูสว่างกระจ่างใสขึ้น แต่มีข้อสังเกตอยู่ว่าความสามารถในการบำรุงผิวของมาเด้มีอายุอยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน ถ้าคุณต้องการรักษาผลลัพธ์ หรือต้องการผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น แนะนำให้ทำการฉีดอย่างต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ 1 ครั้งจะเป็นการดีที่สุด
ตามเนื้อหาที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าตัวยาของมาเด้นั้นปลอดภัย เนื่องจากมีสารสกัดมาจากธรรมชาติล้วน ทำให้เคสที่พบว่าแพ้มาเด้แทบจะไม่มี แล้วใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดมาเด้ ลองติ๊กถูกในใจกันดูว่าคุณเป็นหนึ่งในนั้นหรือไม่
หากคุณเข้าข่ายของผู้ที่มีความต้องการดูแลผิวหน้าตามลิสต์ที่บอกไป มาเด้คอลลาเจนนี้เป็นบริการตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม ปัญหาผิวเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องพบเจอ แต่ยิ่งปล่อยไว้ ไม่ยอมดูแล หรือรักษาให้ถูกวิธี นี่จะกลายเป็นภัยเงียบที่อาจทำให้เกิดปัญหาในอนาคตได้ การดูแล และป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ของปัญหาผิวเป็นสิวที่มาจากสารพิษในร่างกาย สามารถจัดการได้ด้วยมาเด้คอลลาเจน