หลายคนนั้นกลัวการสครับผิว กลัวว่าการสครับผิวนั้นจะทำให้ผิวนั่นเกิดความเสียหายหรือทำลายผิวของเรา แต่รู้หรือไม่ว่าการสครับผิวนั้นให้ประโยชน์ที่มากมายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของภายนอกร่างกายอย่างผิว ที่จะทำให้มีความกระจ่างใสมากขึ้น เพราะว่าการสครับนั้นจะช่วยให้สามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายออก ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการสครับผิวยังมีผลดีต่อระบบการหมุนเวียนเลือดภายในร่างกายได้เป็นดีอย่างมากอีกด้วย การสครับที่เป็นผลดีต่อร่างกายเช่นนี้ก็ทำไม่ได้ยาก เพียงแค่เราทำการการศึกษาสภาพผิวก่อนที่จะทำการสครับ พร้อมกับปฏิบัติตามนั้นตอนการสครับผิวอย่างถูกวิธี แค่นี้ก็ไม่ต้องกังวลเลยว่าการสครับนั้นจะทำลายผิว แถมยังอาจเป็นการรักษาผิวแตกลายได้ด้วยเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงได้รวบรวมประโยชน์ของการสครับผิวที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ พร้อมกับแนะนำ วิธีสครับผิว อย่างถูกต้องที่ไม่ทำร้ายผิวอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้รวบรวมเคล็ดลับในการดูแลผิวก่อนที่จะการสครับและหลังจากที่ทำการสครับผิวยังไงให้ปัง ดูกระจ่างใสจนเกินต้านมาให้ได้ลองไปทำตามกัน
ต้องบอกเลยว่าในยุคปัจจุบันการดูแลผิวด้วยการสครับผิวนั่นเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนเลือกใช้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์สครับผิวนั่นมีความหลากหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสครับผิวแบบเนื้อโลชั่น เนื้อเจล เนื้อน้ำมัน เนื้อครีม เพื่อให้เหล่าสาวกสครับผิวนั่นมีตัวเลือกมากขึ้น ทั้งยังมีส่วนผสมของสมุนไพรหรือวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงผิวได้ดีอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สครับผิว ผู้ใช้นั่นก็จะได้ประโยชน์ที่มากมายเช่นกัน โดยประโยชน์ของการสครับผิวนั่นจะมีดังต่อไปนี้
โดยปกติผิวของคนเรานั่นจะมีวันหมดอายุ ซึ่งเซลล์ผิวหนังกำพร้านั่นจะมีการตายแล้วผลัดเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนในทุก 28 วัน ซึ่งโดยปกติร่างกายคนเรานั้นก็จะสามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายได้ด้วยตัวเอง แต่ก็มีบางครั้งที่ไม่สามารถขจัดได้ด้วยตัวเองด้วยสาเหตุเหลายๆ อย่าง จึงทำให้เห็นว่าผิวของเรานั่นจะไม่เรียบเนียน การสครับผิวจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถขจัดเซลล์ที่ตายแล้วได้อย่างหมดจด หลายคนจึงนำมาใช้เป็นวิธีแก้รักแร้ดำ ทั้งยังช่วยให้ผิวของเราก็จะเรียบเนียน ไร้ริ้วรอยต่าง ๆ อีกด้วย
เมื่อมีการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ผิวนั่นก็จะต้องการอาหารหรือแร่ธาตุต่าง ๆ ในการขับเซลล์ให้มีความกระจ่างใส ดูออ่อนไว ดังนั้นผลิตภัณฑ์สครับผิวนั่นก็เป็นอีกตัวช่วยที่จะเสริมแร่ธาตุไปยังผิวได้อย่างล้ำลึก อย่างตัวสครับที่เป็นเนื้อแบบเกลือก็มีคุณสมบัติที่ช่วยซ่อมแซมผิวได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ผิวนั่นมีแร่ธาตุที่เพียงพอ มีความชุ่มชื่นแล้วเผยผิวที่กระจ่างออกมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากสครับผิวแล้วก็สามารถใช้ปิโตรเลียมเจลลี่ดูแลผิวเพื่อเคลือบให้ผิวสวยและดูเนียนใสได้
การสครับผิวนั่นคือการนำผลิตภัณฑ์สครับผิวลง ไปยังผิว พร้อมกับมีการลูบไล้ ขัดผิว นวดเบา ๆ ซึ่งจะทำให้ร่างกายนั่นรู้สึกผ่อนคลาย พร้อมกับยังเป็นการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของระบบเลือดและน้ำเหลืองได้เป็นอย่างดี
จากที่กล่าวไปข้างต้นว่าผิวของคนเรานั่นจะมีการผลัดเซลล์ใหม่ตลอด หากว่าขจัดเซลล์ผิวเก่าไม่หมดก็จะเกิดร่องรอยจุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอหรือริ้วรอยต่าง ๆ ซึ่งการสครับผิวนั่นจะสามารถช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าออกได้อย่างหมดจด ช่วยให้พื้นผิวภายนอกนั่นมีความเรียบเนียนมากขึ้นอย่างมาก
การสครับผิวนั่นจะสามารถช่วยให้ร่างกายนั่นรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก ด้วยการนวดเบา ๆ ไปตามร่างกาย นอกจากนจะได้ขจัดสิ่งสกปรกหรือเซลล์ผิวที่ตกค้างแล้ว ร่างกายก็จะรู้คลายความกังวล ส่งผลให้ผิวกายนั่นเปล่งปลั่งอีกด้วย นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์สครับผิวบางตัวก็มีการเพิ่มกลิ่นหอมเข้าไปด้วย อย่างเช่นกลิ่นลาเวนเดอร์ที่สามารถช่วยลดความเครียดและปรับอารมณ์ให้มีความสมดุลอย่างมาก
ถึงแม้การทำสครับผิวนั่นจะเป็นสิ่งที่ดี ช่วยให้ผิวนั่นได้ขจัดเซลล์หรือสิ่งสกปรกได้อย่างดี แต่หากทำมากจนเกินไป ก็อาจจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่ายนั่นเอง โดยความถี่ในการทำนั้นจะขึ้นอยู่กับอายุ รวมทั้งสภาพผิวด้วย เพราะในผู้ที่มีอายุมากนั้นจะพบว่ามสุขภาพผิวอาจจะแห้ง รวมทั้งเกิดอาการระคายเคืองนั่นเอง
สำหรับการสครับผิวก็คือ การนำเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป แล้วเกิดเซลล์ผิวใหม่ จะทำให้ผิวกระจ่างใส แต่การสครับไม่ควรทำทุกวัน เพราะว่าร่างกายจะต้องใช้เวลาในการผลัดเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่ สำหรับคนผิวแห้งจะต้องสครับผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น ส่วนผู้ที่มีผิวมันควรสครับผิวสัปดาห์ละ 2-4 ครั้ง เพราะการผลัดเซลล์ผิวช้ากว่าผู้ที่มีผิวแห้งนั่นเอง
จากคำถามที่ว่าควรสครับผิวบ่อยแค่ไหน ? สู่คำตอบที่ควรระวังในการสครับผิวมากกว่า เพราะว่าเมื่อผิวเปีก การขัดเนื้อสครับลงบนผิวที่แห้งจะทำให้ระคายเคือง เกิดรอยช้ำ รวมทั้งเกิดแผลได้ ไม่ควรสครับผิวแบบรุนแรง เพราะจะทำให้ผิวหนังอักเสบ รวมทั้งมีปัญหาในเรื่องของจุดด่างดำตามมาอีกด้วย ซึ่งเมื่อพบอาการระคายเคือง เกิดผดผื่นขึ้นในขณะสครับผิว ก็ควรที่จะหยุดแล้วไปพบแพทย์ทันที
ผลข้างเคียงสำคัญของการสครับผิวที่คุณจะต้องระวังก็คือ อาการคัน เจ็บแสบ ผิวระคายเคืองง่าย เพราะในช่วงนี้ผิวจะอ่อนแอมากที่สุด บางรายอาจจะมีอาการรุนแรงเช่น ผิวไหม้ เป็นลมพิษ ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้มีโอกาสเกิดน้อยก็จริง แต่ทว่าเมื่อมีอาการควรรีบพบแพทย์ทันที
การสครับผิวจะไม่เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะผิวหนังอักเสบ มีหนอง เป็นหูด หรือ โรค โรซาเซีย ที่จะมีปัญหาสุขภาพผิวหนังอย่างรุนแรง การสครับผิวจะทำให้ภาวะที่เป็นอยู่เสี่ยงอักเสบ รวมทั้งติดเชื้ออย่างรุนแรงได้นั่นเอง จึงจะต้องมองหาวิธีสครับผิว หรือ สูตรสครับผิวที่ถูกต้อง อ่อนโยน และ ปลอดภัยต่อผิวของเรานั่นเอง
ความถูกต้องคือเรื่องที่ต้องทำอย่างเคร่งครัดสำหรับการสครับผิว เพราะถ้าทำไม่ถูกวิธี หรือ ผิดไปจากปกติ จะส่งผลเสียต่อผิวอย่างร้ายแรงมากกว่าการทำให้ทุกอย่างดีขึ้น โดยสิ่งที่เป็นข้อเสีย หรือ ข้อดีของการสครับผิวจำเป็นมากที่จะต้องศึกษา โดยพวกเราได้รวบรวมคำแนะนำของ 5 วิธีสครับผิวที่ถูกต้องมาบอกต่อกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ก่อนที่จะทำการสครับผิว สิ่งที่ต้องเตรียมตัวเลยก็คือ ควรทำความสะอาดผิวเล็กน้อย โดยมีจุดประสงค์ให้ผิวนั้นลดสิ่งสกปรกลงรวมทั้งความมันออกไปบ้าง ต่อมาก็นำสครับขัดลงไปบนผิวที่เปียก แล้วนำมาถูวนเบา ๆ โดยเน้นการสครับไปในจุดที่มีความหมองคล้ำ หยาบกร้านเป็นพิเศษ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ก่อนที่จะล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยการอาบน้ำเย็นอีกรอบเพื่อเป็นการกระชับรูขุมขน สำหรับเหตุผลที่ไม่ควรที่จะสครับผิวลงบนผิวที่แห้ง เพราะว่าอาจจะทำให้ผิวระคายเคือง เกิดแผล รวมทั้งมีปัญหาเรื่องจุดด่างดำที่ตามมาด้วย
รายละเอียดของไอเท็มเม็ดสครับที่ไม่ใหญ่จนเกินไปนั้นจะช่วยให้ถนอมผิวได้อย่างชัดเจน เพราะว่าผิวของเรานั้น มีความบอบบางไม่ต่างกับผิวหน้าเลย ดังนั้นจะขอแนะนำให้ใช้สครับแบบที่มีส่วนผสมของธรรมชาติ รวมทั้งมีเม็ดบีดส์ขนาดเล็ก เนื้อสัมผัสที่แข็ง หรือ แห้งจนเกินไป เพราะเมื่อใช้งานแล้วจะทำให้ไม่เกิดการระคายเคืองต่อผิวนั่นเอง
ความถูกต้องของการสครับผิว คือ ไม่ควรขัดเกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพราะการผลักเซลล์ผิวบ่อยนั้นจะทำให้ผิวแห้ง ผิวบางลง อีกทั้งบางรายยังไม่ได้บำรุงผิว กับ ให้ความชุ่มชื้นอยู่เสมอก็จะทำให้เกิดข้อเสียแทนข้อดีอีกด้วย ดังนั้นเมื่อทำการสครับแล้ว ควรทิ้งระยะเวลาให้เซลล์ผิวใหม่มาแทนที่ก่อนที่จะทำการสครับอีกครั้ง
การสครับผิวให้ดีกว่าเดิม จะต้องมีอุปกรณ์เสริม ตัวอย่างเช่น ใยบวบ ถุงมือ หรือ แปรงขัดผิว โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยให้ขัดผิวได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น ที่สำคัญสามารถควบคุมน้ำหนักไม่ให้น้ำหนักในการขัดแรงจนเกินไปด้วย เพราะอาจทำให้ผิวอักเสบได้
การบำรุงผิวหลังการขัดสครับผิว เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องดูแลให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ เพราะผิวจะค่อนเข้างบอบบางมากหลังจากการขัด การใช้ครีมทาผิว โลชั่น หรือ น้ำมันมะพร้าวในการทาผิว ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา ส่วนวิธีการบำรุงก็ใช้การนวดเบา ๆ ลงบนผิว นวดวนให้นานกว่าปกติ ให้เนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างดีมากกว่าเดิมนั่นเอง
แน่นอนเลยว่าวิธีที่ถูกต้องทั้ง 5 หัวข้อนั้น จะเน้นไปที่การให้ความสำคัญของการดูแลผิว ที่จะไม่มีการสครับบ่อย รวมทั้งการระมัดระวังไม่ให้น้ำหนักที่ขัดผิวทำร้ายผิว มากกว่าการบำรุงผิวนั่นเอง แต่ก่อนการสครับผิว กับ หลังการสครับผิว ก็จะต้องรู้เพราะเป็นข้อมูลที่สำคัญเช่นกัน
ก่อนการสครับผิวทุกครั้ง จะต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม โดยจะต้องมีการเริ่มด้วยการอาบน้ำ ขจัดสิ่งสกปรกเป็นอย่างแรก การทำตัวให้เปียกเอาไว้นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของการสครับผิวที่ดี เพราะจะช่วยลดอาการระคายเคืองระหว่างการสครับผิว เพราะอาจจะเกิดรอยแผล ที่เกิดจากการสครับผิวนั่นเอง รวมไปถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ พร้อมกับเทคนิคมากมาย ซึ่งจะมีวิธีการดูแลผิวก่อนและหลังการสครับผิวในแบบที่ถูกต้องดังต่อไปนี้
ก่อนการสครับผิวทุกครั้งจะต้องมีการอาบน้ำ ชำระล้างสิ่งสกปรก ความมันของผิว จะช่วยทำให้ร่างกายเป็นเหมือนมีเกราะป้องกัน ไม่ให้การสครับผิวในแต่ละครั้งนั้นเกิดอาการระคายเคือง ต่อมาก็ต้องเลือกอุปกรณ์ที่อ่อนโยนต่อผิว เพราะการใช้มือ บางครั้งอาจจะหนักเกินไปกับผิวกาย หลังจากนั้นก็สครับผิวตามสูตรที่คุณต้องการได้เลย ข้อแนะนำสำคัญ สำหรับใครที่เป็นแผล หรือ มีภาวะเกี่ยวกับผิวอักเสบง่าย ควรที่จะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทำการขัดผิว เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองมากกว่าเดิมได้นั่นเอง
หลังจากที่ได้สครับผิวแล้ว ยังคงต้องดูแลรักษากันอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ขัดผิว เพราะจะต้องรู้ว่าผิวนั้นกำลังบอบบาง ห้ามแกะ หรือ เกาผิว เด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้ผิวบาง เกิดอาการระคายเคืองมากขึ้น ที่สำคัญการสครับผิวที่หน้า เมื่อมีการสัมผัสใบหน้าก็จะยิ่งกระตุ้นทำให้เกิดสิวด้วยนั่นเอง
อีกหนึ่งเรื่องที่ห้ามทำหลังจากสครับผิวนั่นก็คือ การออกกำลังกาย แน่นอนเลยว่ากิจกรรมนี้จะกระตุ้นให้เกิดความร้อน ในผิวก็จะขับเหงื่อออกมา โดยจะมีสิ่งสกปรกจากรูขุมขนออกมาบนใบหน้าหรือ ผิวกายด้วย แต่ทว่าสามารถออกกำลังกายแบบเบา ๆ ได้ในสถานที่ปิด ไม่มีฝุ่นละออง รวมทั้งแสงแดดด้วย
เพราะการหลบแสงแดดนั้นสำคัญ ด้วยผิวที่เพิ่งจะสครับมา จะเกิดความบอบบาง ระคายเคืองง่าย แสงแดดในแต่ละวันจึงเป็นเรื่องที่ต้องหลบ แต่เมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็จะต้องใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป เพราะรังสียูวีเอ กับ ยูวีบี สามารถทำร้ายผิวได้โดยตรง อีกหนึ่งวิธีก็คือเตรียมร่ม หรือ หมวก เสื้อแขนยาวเพื่อลดการระคายเคืองของผิวนั่นเอง
ไม่ว่าใครก็อยากมีผิวสวย กระจ่างใส เรียบเนียน แข็งแรง ซึ่งเรื่องดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ดูแลผิวเป็นอย่างดี มีการสครับผิว บำรุงผิวด้วยครีมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนั้นแล้วการรับประทานอาการที่มีประโยชน์ วิตามินที่ช่วยเรื่องของผิว ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้มีสุขภาพผิวที่แข็งแรงนั่นเอง อีกหนึ่งกระบวนการสำคัญของการดูแลผิวก็คือ การสครับผิว ที่จะช่วยผลัดให้เซลล์ผิวเก่าหลุดออกไป เซลล์ผิวใหม่ที่กระจ่างใสจะช่วยทำให้ผิวของคุณดูกระจ่างใสนั่นเอง แน่นอนเลยว่าข้อมูลทั้งหมดที่พวกเราแนะนำในบทความนี้ คือเรื่องสำคัญของการสครับผิว ไม่ว่าจะเป็นก่อน หรืรอ หลัง การสครับ ก็จะเน้นไปในเรื่องของความเหมาะสม เพราะผิวกาย ผิวหน้า คือจุดที่บอบบาง ต้องการความเอาใจใส่ให้มากนั่นเอง