เพราะใบหน้า คือ จุดที่ทำให้คุณมีความมั่นใจมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นการที่หน้าใสไร้สิว ก็เหมือนพรอันประเสริฐที่ช่วยให้คุณออกไปไหนมาไหนได้อย่างมั่นใจ อย่างไรก็ตามบางคนกลับมี สิว ขึ้นบริเวณบนใบหน้า เนื่องจากมีฮอร์โมนที่มากกว่าปกติ รวมทั้งอาจจะมีอาการแพ้ฝุ่น หรือ แสงแดด ทำให้เกิดปัญหาสิวอักเสบ หรือ สิวอุดตันตามมานั่นเอง แต่ทว่าปัญหาผิวหน้า ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะว่าเป็นจุดที่ทำการรักษายาก รับมือยาก อีกทั้งความสะดวกในการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างเป็นปัญหา เพราะต้องปกป้องดูแลเป็นอย่างดี อีกทั้งความเข้าใจเกี่ยวกับฮอร์โมนในช่วงที่กำลังพุ่งพล่านก็ทำให้ต้องรับมือกับปัญหาเรื่องสิวเป็นประจำ แน่นอนเลยว่าด้วยระดับของฮอร์โมนในร่างกายที่แตกต่างกัน สำหรับวันนี้พวกเราจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “สิวฮอร์โมน” มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุ สิวฮอร์โมนรักษายังไง พร้อมทั้งวิธีปกป้องที่จะช่วยให้คุณบรรเทาอาการของภาวะสิวนี้แบบไร้กังวล ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างรักษายาก รับมือยาก แต่เชื่อเลยว่าคุณเองก็ทำได้ ถ้าพร้อมแล้วเราไปทำความรู้จักและเรียนรู้เรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
อันดับแรก พวกเราจะต้องขอย้อนกลับไปทำความรู้จักกับ “สิวฮอร์โมน” กันก่อนเลย เพราะว่า “สิว” มีหลายประเภท เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ทั้งในรูปแบบของพันธุกรรม รวมทั้งพฤติกรรมในการใช้ชีวิต แต่ทว่าสิวประเภทนี้แตกต่างออกไป โดยสิวฮอร์โมน จะเป็นสิวที่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งจะดูออกง่ายมากว่าเป็นสิวฮอร์โมนหรือไม่ ถ้าหากว่าเกิดขึ้นในช่วงเวลาซ้ำ เวลาเดิม เช่น ช่วงที่มีรอบประจำเดือน หรือ ช่วงหมดประจำเดือน การตั้งครรภ์ ภาวะความเครียดสะสม ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสิวฮอร์โมน ส่วนใหญ่นั้นจะเกิดขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น กับ ในกลุ่มวัยผู้ใหญ่นั่นเอง
รูปแบบของสิวฮอร์โมนนั้น ทุกคนจะต้องมีคำถามแน่ ๆ เลยว่า หน้าตาเป็นแบบไหนบ้าง ? ซึ่งจะขออธิบายในเบื้องต้นเลยว่า สามารถเป็นได้ทั้งแบบสิวอักเสบ รวมทั้ง แบบสิวอุดตัน ได้เช่นกัน โดยประเภทของสิวชนิดนี้จะปรากฏขึ้นได้ตามความแตกต่างของแต่ละคน ซึ่งจะแบ่งประเภทของสิวฮอร์โมนได้ 2 ประเภทดังต่อไปนี้
สำหรับสิวอุดตัน จะมีทั้งแบบสิวหัวเปิด Open Comedone กับ สิวหัวดำ Blackheads โดยลักษณะสิวอุดตันจะมีขนาดเล็ก บริเวณตรงกลางนั้นมีการฝังตัวของเคราติน กับ ลิพิด ที่จะเกิดเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น กับ อากาศ จะทำให้จากสีขาวเหลือง กลายเป็นสีเข้ม หรือ สีดำ
อีกหนึ่งรูปแบบของสิวอุดตันคือ สิวหัวปิด หรือ สิวหัวขาว จะเป็นรูปแบบสิวอุดตันขนาดเล็กมีความนูนออกมา บริเวณหัวสิวจะมีสีขาวสังเกตเห็นได้จากภายนอกได้ยาก
แน่นอนเลยว่าทั้ง 2 ประเภทนั้น จะพบได้ในกลุ่มคนที่เป็นสิว โดยการเป็นสิวจะส่งผลต่อความมั่นใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องที่ไม่น่ามองเอาซะเลย แต่อย่างไรก็ตามเมื่อรักษาได้อย่างถูกวิธี หรือ รู้จักวิธีป้องกันก็อาจจะทำให้บรรเทาอาการของสิวฮอร์โมนได้ แต่เราจะขอพูดถึงต้นตอของเรื่องนี้กันดูว่า สิวฮอร์โมนเกิดจากอะไร มีความเป็นมาอย่างไร
สำหรับสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้ จะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน หรือ ความไม่สมดุลของฮอร์โมนภายในร่างกาย เพราะว่าเมื่อประมาณฮอร์โมน “แอนโดรเจน” Androgen เพิ่มสูงขึ้น ฮอร์โมนนี้จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน ให้ผลิตซีบัม ออกมาเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ปริมาณของเชื้อแบคทีเรียนั้นมากขึ้นนั่นเอง เมื่อเคราติน กับ ซีบัม กับเชื้อแบคทีเรียรวมตัวกัน จะก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน จนเกิดเป็นสิวอุดตันขึ้น หรือ ในบางกรณีเมื่อมีการอุดตันของรูขุมขนที่มากขึ้นเรื่อย ๆ การขยายตัวทำให้ท่อรูขุมขนเกิดการอักเสบ ก็จะทำให้มีโอกาสที่จะกลายเป็น สิวอักเสบได้เช่นกัน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวฮอร์โมนภายในร่างกายนั่นก็คือ ภาวะต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
สำหรับในภาวะดังกล่าว จะทำให้การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนไม่ปกติ มีการเพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้เกิดสิว แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างป้องกันได้ยาก เพราะเกิดจากร่างกาย โดยบริเวณที่มักจะเกิดสิวฮอร์โมนจะเกิดบ่อยในบริเวณ แก้ม กราม ส่วนล่างของใบหน้า และ สามารถเกิดได้ที่แผ่นหลัง
หลังจากที่ได้รู้ถึงเรื่องสาเหตุในการเกิด สิวฮอร์โมน กันไปแล้ว เราลองมาดู สิวฮอร์โมนรักษายังไง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถที่จะห้ามได้ เพราะเป็นระบบภายในของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมน อีกทั้งการเป็นสิวอักเสบ หรือ สิวอุดตัน เมื่อรักษาไม่ถูกวิธี หรือ มีพฤติกรรมการแคะ แกะ เกา บีบสิว การกระทำเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้ผิวหน้าของเรานั้นแย่ลงไปได้ ดังนั้นแล้ววิธีที่ดีที่สุดก็คือ การปรึกษาแพทย์โรคผิวหนัง เพื่อให้ตรวจหาสาเหตุต่าง ๆ ที่เกิดสิวเหล่านี้ด้วย เพราะยังมีโรคที่ค่อนข้างร้ายแรงอย่าง ภาวะถุงน้ำรังไข่ ชีสที่รังไข่ โดยการดูแลเบื้องต้นก็สามารถทำได้เช่นกัน มีหลายวิธีด้วยที่จะช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างถูกต้อง
รายละเอียดในการรักษานั้นก็มีแตกต่างกันไป ควรจะเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับ สิวฮอร์โมนของตัวเอง ชนิดของสิว รวมทั้งสภาพของผิวด้วย เพราะทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้องวางแผนการรักษาให้ดีทั้งนั้น โดยแบ่งออกเป็น การรักษาสิวในแบบธรรมชาติ รวมทั้ง การรักษาสิวด้วยการทายา และ การรักษาสิวประเภทนี้ด้วยวิธีอื่น ๆ โดยจะมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
วิธีการรักษาสิวฮอร์โมน ในรูปแบบธรรมชาติทำได้ไม่ยาก แต่จะต้องอาศัยความสม่ำเสมอ รวมทั้งการกระทำที่ถูกต้องด้วย โดยจะมีด้วยกัน 4 วิธีดังน้
การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ จะเน้นไปทางการกิน การทาสารสกัดจากธรรมชาติที่จะต้องบำรุงจากภายในสู่ภายนอก การเห็นผลอาจจะต้องใช้เวลา รวมทั้งต้องศึกษาเรื่องการระคายเคือง การแพ้ให้ดีด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วจะกลายเป็นผลที่แย่มากกว่าการช่วยรักษาสิวด้วย
การใช้ยาทา กับ การรักษาสิว จะเป็นการรักษาที่ตรงจุด โดยจะใช้กลุ่มยา 4 กลุ่มด้วยกัน ดังต่อไปนี้
สำหรับยาในกลุ่มนี้ จะเป็นกลุ่ม Retinoids ที่จะสามารถรักษาสิวได้ทั้งแบบสิวอุดตัน รวมทั้ง สิวอักเสบด้วย โดยตัวยาที่อยู่ในกลุ่มนี้จะได้แก่ Tretinoin, Adapalene, Tazarotene ซึ่งจะมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ รวมทั้งลดการอุดตันของสิว แต่อย่างไรก็ตาม อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น ผิวแห้ง หรือ ผิวจะไวต่อแสงแดดมากขึ้น
สำหรับในกลุ่มยา Benzoyl Peroxide นั้น จะเป็นตัวยาที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ดี ทำให้สามารถลดจำนวนของเชื้อแบคทีเรียได้โดยการปล่อย Free Oxygen Radicals เพื่อจับกับส่วนต่าง ๆของเซลล์แบคทีเรีย จะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่จะช่วยให้แบคทีเรียลดลงนั่นเอง
อย่างไรก็ตามตัวยาชนิดนี้จะยังลดการอุดตันของสิว เชื้อแบคทีเรียไม่สามาถพัฒนาตนเองให้ทนทานต่อฤทธิ์ยาได้ จึงทำให้ไม่มีเรื่องของการดื้อยา โดยยากลุ่มนี้จะมีรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เจล ครีม โฟม โลชั่น ซึ่งจะมีความเข้มข้นที่แตกต่างกันไป แต่การระคายเคืองอย่าง ผิวแห้ง รวมทั้งการระคายเคืองต่าง ๆ อาจจะพบเจอได้
สำหรับในกลุ่มยา ปฏิชีวนะเฉพาะที่ หรือ Antibiotics จะมีตัวที่นิยมใช้อยู่ทั่วไปได้แก่ Erythromycin, Clindamycin, Metronidazole และ Dapsone
โดยตัวยา Erythromycin, Clindamycin และ Metronidazole จะต้องเป็นยาที่ใช้ทาภายนอกใช้ร่วมกับ เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดอาการดื้อยาได้ จึงไม่ได้นิยมใช้ตัวยาเพียงแค่ตัวเดียวในการรักษาเท่าไหร่ ใช้ยา Dapsone ร่วมกับ Benzoyl Peroxide เนื่องจากอาจเกิดรอยสีส้มขึ้นบนผิวหนัง
เป็นอีกหนึ่งสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติ มีคุณสมบัติเป็นยาต้านจุลชีพ ช่วยลดการอุดตันรูขุมขน ต้านการสร้างเม็ดสี รวมทั้งลดรอยดำและหลังจากการรักษาสิวได้ แต่ข้อสำคัญอีกเรื่องหนึ่งสำหรับ Azelaic Acid จะต้องใช้ปริมาณตามที่แพทย์สั่ง กับ คำแนะนำที่ต้องทำอย่างเคร่งครัด เพราะเป็นกรด เมื่อใช้ปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้เกิดอาการแสบร้อนได้
นอกจากการใช้ยารักษาภายนอกแล้ว การรับประทานยาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องสิวฮอร์โมนที่มีระดับความรุนแรงมาก รวมทั้งสิวเรื่อรังที่ไม่มีอาการที่ดีขึ้น จะต้องรักษาด้วยการรับประทานยาดังต่อไปนี้
ซึ่งการใช้ยา ปฏิชีวนะแบบรับประทาน นั้น จะมีตัวยาในกลุ่มนี้อยู่หลายชนิดเลย แต่ข้อดีก็จะแตกต่างกันออกไป ดังนั้นแล้ว การทานยาปฏิชีวนะ จะยังคงมีการจำกัดการใช้งานอยู่ค่อนข้างมาก เพราะต้องป้องกันความเสี่ยงในเรื่องของการดื้อยานั่นเอง
สำหรับการรักษาด้วยฮอร์โมน เป็นการใช้ยา เพื่อลดการสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน อีกทั้งควบคุมฮอร์โมนในจุดอื่นให้มีความสดดุลมากขึ้น ซึ่งยาที่ใช้จัดอยู่ในกลุ่ม ยาคุมกำเนิดแบบรับประทาน โดยยาตัวนี้จะเข้าไปลดประมาณแอนโดรเจน กับ ยากลุ่ม Gonadotropin-Releasing Hormone Agonists ที่มีฤทธิ์ในการทำลายวงจนการหลั่งฮออร์โมน จะส่งผลให้การสร้างฮอร์โมนที่เป็นต้นปัญหาเรื่องสิว ลดลง
สำหรับยาในกลุ่ม เตรทติโนอิน จะนิยมใช้ในกลุ่มสิวอักเสบ ที่มีความรุนแรงระดับปานกลาง ไปจนถึงความรุนแรงมาก รวมทั้งกลุ่มที่มีอาการดื้อยา รักษาด้วยยาชนิดอื่น ๆ ที่ไม่ได้ผล โดยตัวยาชนิดนี้จะทำการยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ที่ผลิตตัว ซีบัม ออกมามากจนเกินไป แล้วยังลดการอักเสบ ช่วยให้การผลัดเซลล์ผิวเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้นด้วยนั่นเอง
จะเห็นได้ว่า การรักษาแบบใช้ยาชนิดรับประทาน จะเป็นจุดที่ช่วยให้การรักษาเริ่มต้นจากภายใน สู่ภายนอก แต่การได้รับยาชนิดรับประทานที่มากเกินไป ก็อาจจะทำให้เกิดอาการดื้อยาได้เช่นกัน รวมทั้งผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่ผู้ทำการรับประทานจะต้องศึกษาข้อมูลของยาให้ดี รวมทั้งแผนการรักษาที่ต้องให้แพทย์โรคผิวหนังแนะนำเท่านั้น
การรักษาสิวฮอร์โมน ยังสามารถทำ หัตถการอื่น ๆ ได้อีกหลายวิธี ซึ่งแต่ละแบบนั้นก็จะช่วยให้สิวลดลงได้เช่นเดียวกัน โดยมีกระบวนการ กับ วิธีการรักษาดังต่อไปนี้
การใช้สารเคมีลอกสิว เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ลดสิวฮอร์โมน ด้วยการใช้สารเคมีลอกผิวหนังชั้นนอกสุดออกมา เพื่อป้องกันการอุดตันรูขุมขน รวมทั้งช่วยในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิว โดยจะนิยมใช้ในกลุ่มที่ไม่สามารถรักษษสิวด้วยรูปแบบอื่นได้ เช่น ผู้ที่อยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์ กับ ผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาบางชนิดได้
การบำบัดด้วยแสง กับ การทำเลเซอร์ เป็นวิธีการรักษาสิวฮอร์โมนแบบใหม่ ที่ในปัจจุบันมีการเติบโตอยู่ตลอดเวลา โดยการรักษาประเภทนี้ จะช่วยในเรื่องของการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ รวมทั้งความเสี่ยงที่จะเกิดรอยดำ จุดด่างดำ หลุมสิว หรือ รอยแผลเป็นจากสิวได้อีกเช่นกัน อีกทั้งการใช้วิธีนี้จะมีผลข้างเคียงน้อยกว่าการใช้ยาชนิดอื่นด้วย
สำหรับการรักษาด้วยการฉีดสิว จะเป็นอีกหนึ่งวิธี ที่จะช่วยลดการอักเสบของสิวชนิดที่เป็นก้อนแข็งอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผลการรักษาที่ดี แต่ทว่าจะต้องใช้ยาทาอื่น ๆควบคู่การรักษาแบบนี้ไปด้วยจะดีมาก
ในจุดสุดท้ายของการรักษา ถ้ายังไม่รู้จะต้องเริ่มต้นอย่างไร ให้คิดไว้เสมอว่าต้องปรึกษาแพทย์โรคผิวหนัง หรือ แพทย์ที่รักษาสิวโดยตรง เพราะ สิวฮอร์โมน ถ้าหากว่ารักษาถูกวิธี ก็จะเป็นเรื่องที่ทำได้อย่างต่อเนื่อง หายเร็ว ได้ผลเร็ว อีกทั้งจะไม่กลับมาเป็นอีก แต่ถ้าหากว่าไม่มีการปรึกษาแพทย์แล้วไปรักษาด้วยความเข้าใจของตัวเอง ก็ค่อนข้างเสียงที่จะหายช้า หรือ อาจจะเป็นสิวอักเสบหนักกว่าเดิม เพราะว่าเกิดอาการแพ้ ระคายเคืองได้นั่นเอง แต่ในระหว่างช่วงที่กำลังเป็นสิวฮอร์โมนอยู่ ถ้าหากว่าดูแลตัวเองดี การรักษาก็จะเห็นผลได้ดีเช่นกัน
แต่สำหรับใครที่เป็นสิวฮอร์โมนแล้ว ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะไม่มีวันรักษาหาย ถ้าหากว่าคุณทำตามคำแนะนำของแพทย์ ใช้ยาอย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ต้องกังวล แต่ข้อที่ทำให้ต้องอดทนสักหน่อยก็คือ การรักษาสิวบนผิวหน้า จะต้องมีการดูแลรักษาที่ดี รวมไปถึงการใช้เวลารักษาที่ขึ้นอยู่กับร่างกาย ว่าจะสามารถปรับได้เมื่อไหร่ ดังนั้นแล้ว ตัวเราเองอาจจะต้องลดอัตราความเสี่ยง รวมทั้งดูแลตัวเองให้อยู่ในจุดที่ไม่เกิดสิวฮอร์โมนได้ดังต่อไปนี้
เรียกได้ว่าห้ามยุ่งเลยเมื่อเป็นสิวทุกประเภท ยิ่งเป็นสิวฮอร์โมน ยิ่งทำให้เกิดอาการอักเสบจะทำให้คุณรู้สึกเจ็บ ปวด ในบางรายอาจจะเป็นแผลเป็นเมื่อแกะ หรือ บีบ ทิ้งร่องรอยเอาไว้ จะทำให้รักษารอยได้ยากมากกว่ารักษาสิวซะอีก ดังนั้นแล้วควรเคร่งครัดในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก อีกทั้งมือที่อาจจะปนเปื้อนสิ่งสกปรก อาจจะทำให้เกิดสิวเพิ่มได้อีกเช่นกัน แต่หากคุณไม่ได้เป็นสิวฮอร์โมนคุณสามารถศึกษาวิธีการบีบสิวเพิ่มเติมได้ที่ วิธีบีบสิวให้ทิ้งรอยน้อย
เมื่ออยู่ในช่วงการรักษา จะต้องมีความมั่นใจว่าสิวจะต้องหาย ถึงแม้ว่าความมั่นใจนี้จะทำได้ยาก แต่ต้องห้ามเครียด ใช้ชีวิตตามปกติ รักษาสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ แล้วจะส่งผลให้ระบบในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น การรักษาจะเห็นผลได้เร็วขึ้นอีกด้วย ถ้ายังคิด ยังเครียดอยู่ รักษาเท่าไหร่ก็หายยาก
เรื่องอาหารก็จะต้องเคร่งครัดซักหน่อย เพราะอาหารบางชนิด จะไปกระตุ้นให้เกิดสิวได้ เช่น ของทอด ของมัน ช็อกโกแลต เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นมวัว ขนมปัง เป็นต้น
สำหรับผู้ที่เป็นสิว หรือ ยังไม่ได้เป็นสิว จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของ ลาโนลิน ซิลิโคน รวมทั้ง น้ำมันแร่ เพราะจะเป็นสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน และ เกิดสิวได้ในที่สุด
การออกกำลังกายจะช่วยให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานได้เป็นปกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีกับสุขภาพเป็นอย่างมาก ผู้ที่เป็นสิวก็ควรออกกำลังกายเป็นประจำ แต่อย่าหักโหมจนเกินไป เพราะมีบางรายแพ้เหงื่อตัวเองก็ทำให้เกิดสิวได้ด้วยเช่นกัน
สำหรับผู้ที่แต่งหน้าเป็นประจำ ควรทำความสะอาดเครื่องสำอางที่อยู่บนใบหน้าให้สะอาดหมดจด ไม่เช่นนั้นแล้ว จะสามารถเข้าไปอุดตันในรูขุมขน จนเป็นอีกหนึ่งปัญหาในการเกิดสิวได้นั่นเอง
เรียกได้ว่า สิวฮอร์โมน เป็นสิวที่เกิดจากระดับฮอร์โมนภายในร่างกาย สามารถเกิดได้ทั้ง 2 แบบ ไม่ว่าจะเป็น สิวอุดตัน หรือ สิวอักเสบ ซึ่งช่วงที่ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น เกิดซ้ำ ๆ เกิดในจุดเดิม ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาสิว ควรปรึกษาแพทย์เชี่ยวชาญที่มีความรู้ทางด้านผิวหนังโดยตรง เพราะว่าจะแนะนำแผนการรักษาได้ดีกว่า เพราะสิวฮอร์โมนในบางกรณีก็จะเป็นสิวเห่อที่ขึ้นเยอะมาก บางรายก็ขึ้นน้อยแต่กว่าจะหายก็นานพอสมควร ซึ่งเมื่อได้วิธีรักษาแล้วปฏิบัติตามก็จะทำให้สิวที่เป็นอยู่หายได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งลดความเสี่ยงในการเกิดสิวใหม่ด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี่ก็คือ เรื่องราวของปัญหาสิวฮอร์โมน ที่คุณต้องรู้ พร้อมรับมือ ซึ่งจะทำให้คุณใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน