ยาลดน้ำหนัก เลือกอย่างไรให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ยาลดน้ำหนัก เลือกอย่างไรให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ส่วนใหญ่แล้วผู้คนจะกินอาหารกันแบบไม่ได้คำนึงถึงหลักโภชนาการมากนัก หรือไม่ได้เน้นไปที่เรื่องของการกินอาหารที่มีประโยชน์ โดยมักจะเน้นไปที่การกินอาหารตามแบบที่ตัวเองชอบ และสบาย ๆ จนทำให้อาจจะกินอาหารที่เน้นไปทางแป้งมากกว่าการกินผักผลไม้ที่มีประโยชน์ แน่นอนว่าเมื่อเป็นแบบนี้สิ่งที่จะตามมาก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น จนอาจจะส่งผลทำให้มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานได้เลย ซึ่งการลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จึงทำให้ผู้คนไม่น้อยเลยหันไปพึ่งวิธีการใช้ ยาลดน้ำหนัก หรือบรรดาอาหารเสริมลดความอ้วน กัน แบบที่ไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าการใช้ยาในการลดน้ำหนักจะส่งผลที่ไม่ดีตามมาบ้างไหม แต่อย่างไรก็ตาม การกินยาเพื่อช่วยลดน้ำหนักก็สามารถทำอย่างปลอดภัยได้ แล้วจะต้องทำอย่างไรบ้าง ในบทความนี้จะมาบอกกัน

---

ยาลดน้ำหนัก ใช้แล้วให้ประโยชน์อย่างไรบ้าง

ยาลดน้ำหนัก ถือเป็นหนึ่งในไอเทมลดน้ำหนักที่ผู้คนเลือกใช้กัน เนื่องจากว่าเป็นสิ่งที่สามารถให้ผลลัพธ์กับผู้ใช้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ยาเพื่อลดน้ำหนักก็เป็นเหมือนกับดาบสองคม ที่มีทั้งโทษและประโยชน์อยู่ด้วยกัน โดยการกินยาจำเป็นที่จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เป็นผู้สั่งยา นั่นก็เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อร่างกายของผู้กิน อีกทั้งการที่แพทย์จะสามารถสั่งยาให้กับผู้ป่วยได้นั้น ก็จะต้องผ่านการศึกษาถึงประโยชน์ และผลข้างเคียงของตัวยาที่จะเกิดขึ้นมาเป็นอย่างดีแล้ว จึงทำให้ไม่ต้องกังวลมากไปหากว่ากินยาจากแพทย์ที่เป็นผู้สั่งให้

การใช้ยาในการลดน้ำหนักควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย และการคุมอาหาร เพื่อเป็นการช่วยให้ลดน้ำหนักได้ไว เห็นผลภายในไม่กี่สัปดาห์ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับการใช้ยาจะส่งผลดีกับตัวผู้กินที่มีดัชนีมวลกายมากกว่า 30 หรือมีค่าดัชนีมวลกาย 27 ขึ้นไป และจะเหมาะเป็นอย่างมากกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักโดยตรง เนื่องจากตัวยาจะทำหน้าที่ในการช่วยลดน้ำหนัก และยังช่วยควบคุมปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย เช่น การช่วยลดความดันโลหิต, การช่วยลดระดับไขมันในเลือด หรือการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดนั่นเอง

---

เลือกยาลดน้ำหนักอย่างไรให้มีมาตรฐาน และปลอดภัย

ก่อนหน้านี้ก็เป็นสิ่งที่ช่วยบอกให้ทราบกันแล้วว่า ยาลดน้ำหนัก ช่วยอะไร หรือช่วยในเรื่องไหนได้บ้างหากกินเข้าไปแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญ และอยากให้รู้เลย คือ เรื่องของวิธีการเลือกยาลดน้ำหนักให้ปลอดภัย เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการลดน้ำหนักมีออกมาวางขายจำนวนมากเลย มีทั้งแบบที่ดีและไม่ดี ซึ่งแล้วจะทำอย่างไรให้สามารถหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ดีไปได้ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายตามมาหลังจากกิน โดยสามารถเลือกได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองแล้วว่าได้มาตรฐานและปลอดภัย

วิธีการแรกเลยที่สำคัญมาก ๆ ในการเลือกผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก คือ การเลือกจากแบรนด์ที่ผ่านการรับรองแล้วว่าได้มาตรฐาน และปลอดภัย โดยสิ่งที่จะช่วยบ่งชี้ในเรื่องนี้ได้ก็คือ การมีเลข อย. ที่จดโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อีกทั้งผลิตภัณฑ์จำเป็นจะต้องผ่านการรับรองตามมาตรฐานการผลิตจากองค์กรต่าง ๆ ก่อนด้วย หากว่ามีการรับรองจากสิ่งเหล่านี้เรียบร้อยแล้วก็ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย และสามารถกินได้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็อย่าเพิ่งวางใจขนาดนั้น เพราะจะมีเช่นกันที่ผลิตภัณฑ์บางแบรนด์อาจจะปลอมเลขจดแจ้ง ซึ่งในส่วนนี้ก็จำเป็นต้องตรวจสอบดี ๆ ก่อน ทั้งนี้ก็สามารถโทรไปเช็กกับทาง อย. ได้เลย

2. เช็กส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์ด้วย

วิธีการต่อมาในการเลือกซื้อยาลดน้ำหนัก คือ การที่จะต้องเช็กส่วนประกอบที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ก่อนทุกครั้งที่จะต้องซื้อ เนื่องจากว่าอาจจะมีส่วนผสมบางอย่างที่ส่งผลทำให้ผู้กินเกิดอาการแพ้ได้ หรือการจะมีสารบางอย่างที่ไม่ส่งผลดีต่อร่างกาย รวมถึงส่วนผสมบางอย่างที่อาจจะเป็นอันตรายด้วย การเช็กส่วนผสมก่อนจึงจะทำให้สามารถทราบรายละเอียดของสิ่งเหล่านี้ได้ ซึ่งหากว่าเจอผลิตภัณฑ์ที่ไม่ดีก็จะช่วยให้ไหวตัวทัน และไม่ซื้อมากินจนทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้นั่นเอง                     

3. สรรพคุณที่กล่าวอ้างของผลิตภัณฑ์ต้องไม่เกินความจริง

อย่างที่ทราบกันดีว่า ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักทุกแบรนด์จำเป็นที่จะต้องโฆษณาก่อนว่าผลิตภัณฑ์ของตัวเองนั้นดีอย่างไร ใช้แล้วช่วยอะไรได้บ้าง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก ๆ แต่ทั้งนี้ที่ไม่ปกติก็คือ การที่บางแบรนด์อาจจะโฆษณาสรรพคุณของผลิตภัณฑ์แบบเกินจริงไป การกล่าวอ้างเกินจริงแบบนี้นอกจากผิดกฎหมายแล้ว ก็ยังเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อตัวของผู้กินด้วยเช่นกัน เพราะไม่เพียงแค่ไม่ทำให้ได้รับผลลัพธ์ตามต้องการแล้ว ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาด้วย ดังนั้นควรระวังในเรื่องนี้ก่อนการเลือกซื้อกันด้วย

4. ราคาที่ขายควรสมเหตุสมผล

อีกหนึ่งเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เช่นกันในการเลือกซื้อยาลดน้ำหนัก ก็คือ เรื่องของราคาขาย โดยปัจจุบันนี้ยาลดน้ำหนักที่วางขายในท้องตลาดนั้นก็มีความหลากหลายมาก ๆ โดยเฉพาะเรื่องของราคา แน่นอนว่าสินค้าที่มีราคาถูกก็จะสามารถดึงดูดใจผู้ซื้อได้มากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นสินค้าที่ถูกก็อาจจะไม่ได้ดีเสมอไป จึงจำเป็นที่จะต้องเปรียบเทียบคุณสมบัติ และสรรพคุณของสินค้าแต่ละแบรนด์ให้ดีก่อนว่าราคาที่ขายนั้นเหมาะสมไหม แพงหรือถูกเกินไปหรือเปล่า แล้วถ้าแพงทำไมถึงแพง สินค้ามีดีอย่างไร ซึ่งในท้ายที่สุดเมื่อเปรียบเทียบแล้วก็ควรเลือกสินค้าที่ราคาสมเหตุสมผล และมีคุณภาพ ก็จะช่วยให้กินแล้วปลอดภัยมากที่สุดนั่นเอง

---

ข้อเสียหรือผลข้างเคียง ที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อกินยาลดน้ำหนัก

นอกจากที่ยาลดน้ำหนักจะมีข้อดี และมีประโยชน์ต่อกินแล้ว แต่ยาลดน้ำหนัก ข้อเสียก็มีให้เห็นอยู่ไม่น้อยเลยเช่นกัน โดยการกินยาลดน้ำหนักนั้นหากว่าร่างกายของบางคนที่กินแล้วสามารถตอบสนองต่อตัวยาได้ดี ก็ถือว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร และไม่ได้ส่งผลทำให้เกิดปัญหาที่รุนแรงตามมา แต่ในขณะที่บางคนเมื่อกินยาเข้าไปแล้วก็อาจจะมีอาการแพ้ยา หรือว่าเกิดผลข้างเคียงบางอย่างที่ส่งผลเสียต่อร่างกายตามมาได้ ซึ่งในบางรายก็เกิดอาการที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็มี ดังนั้นเมื่อมีอาการก็ควรจะหยุดกินยา และรีบไปปรึกษาแพทย์โดยด่วน

สำหรับผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการกินยาลดน้ำหนัก ก็ได้แก่ อาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง, ปากแห้ง, คอแห้ง แม้จะดื่มน้ำเข้าไปแล้วก็ไม่หาย, กินอาหารไม่อร่อย เนื่องจากว่าลิ้นไม่รับรู้รสชาติ หรือรับรสชาติแปลกไปจากปกติ, รู้สึกคลื่นไส้ จนอยากจะอาเจียนออกมาอยู่ตลอดเวลา, เวียนศีรษะ เบลอ มึนงง เป็นลักษณะที่คล้ายกับการเมา, นอนไม่หลับ, ไม่สบายตัว, ท้องผูก เกิดจากการที่ระบบขับถ่ายแปรปรวน, ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ และอาจจะมีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว โดยจะปวดมาก ๆ ในบริเวณแขน ขา และข้อนั่นเอง

อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า การกินยาลดน้ำหนักจำเป็นต้องมาจากแพทย์เป็นผู้สั่งถึงจะปลอดภัย นอกจากนั้นแล้วก็ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับยาเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากว่าการที่ผู้กินขาดความรู้ ข้อมูล หรือไม่ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนต่อปัญหาที่อาจจะตามมาหลาย ๆ เรื่อง ก็จะส่งผลทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ เพราะการกินยาลดความอ้วน เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการทำลายสมดุลของร่างกาย จนเกิดความผิดปกติขึ้นได้นั่นเอง ซึ่งในบางรายก็อาจจะส่งผลอันตรายถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้เลย 

อย่างไรก็ตาม การกินยาลดน้ำหนักสามารถกินได้ แต่เป็นสิ่งที่ควรใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น โดยไม่ควรกินยาลดน้ำหนักเกิน 12 สัปดาห์ เนื่องจากว่าการกินยาในระยะเวลาที่นานจนเกินไป จะส่งผลทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิดตามมาได้เลย แต่ในกรณีที่แพทย์เป็นผู้สั่งยา ก็ให้อยู่ภายใต้การพิจารณาของแพทย์ได้เลย ว่าจะสั่งยาให้กินนานแค่ไหน และจะสั่งให้ต้องหยุดการใช้ยาลดน้ำหนักเมื่อไหร่ หรือหากหยุดกินยาแล้วกลัวเกิดโยโย่เอฟเฟกต์ ก็สามารถค้นหาวิธีลดน้ำหนักแบบอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับตัวเอง อย่างการควบคุมอาหาร กินคลีน กินคีโต กินแบบ if หรือการออกกำลังกาย เพื่อไม่ให้กลับไปอ้วนได้อีก เป็นต้น

---

ชนิดของยาลดน้ำหนักมีแบบไหนบ้าง มาทำความเข้าใจกันหน่อย

รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว ยา ลดน้ําหนักที่มีขายในปัจจุบันนี้ไม่ได้มีความหลากหลายแค่เรื่องของแบรนด์เท่านั้น แต่ในเรื่องของประเภทยาลดน้ำหนักเองก็มีความหลากหลายด้วย ซึ่งประเภทของยาลดน้ำหนักก็มีดังต่อไปนี้

• ยาลดความอยากอาหาร สำหรับยากลุ่มนี้ก็จะเป็นยาที่ออกฤทธิ์กับประสาทส่วนกลาง จึงจะช่วยในเรื่องของการลดความอยากอาหารลงได้ โดยมักจะมีการใช้ยากลุ่มนี้ร่วมกันกับการออกกำลังกาย นอกจากนั้นก็ยังใช้ในการคุมอาหารของผู้ที่เสี่ยงว่าจะป่วยเป็นโรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิต และภาวะคอเลสเตอรอลสูง อย่างไรก็ตามยาชนิดนี้มีผลข้างเคียงค่อนข้างมากพอสมควรเลย
• ยาฮอร์โมนไทรอยด์ สำหรับยากลุ่มนี้ก็จะใช้ในกรณีของผู้ป่วยที่เป็นภาวะพร่องไทรอยด์ โดยแพทย์จะสั่งยาชนิดนี้เพื่อช่วยให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายผู้ป่วยสามารถทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ตัวยาก็ส่งผลข้างเคียงตามมามากเช่นกัน 
• ยาขับปัสสาวะ สำหรับยากลุ่มนี้ก็จะช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักผ่านทางปัสสาวะ แต่ตัวยาจะไม่สามารถช่วยในการลดไขมัน หรือว่าลดแคลอรีที่อยู่ในร่างกาย ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ร่างกายขาดเกลือแร่ได้ 
• ออร์ลิสแตท (Orlistat) สำหรับยากลุ่มนี้ก็จะมีคุณสมบัติในการช่วยบล็อกไขมันจากอาหารที่กินเข้าไปในร่างกาย เพื่อไม่ให้ร่างกายดูดซึมไขมันจากอาหารเหล่านั้นและไม่สะสมในร่างกายเพิ่มได้นั่นเอง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นยาลดน้ำหนักชนิดที่ดีเลยทีเดียว อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดภาวะโยโย่ได้ด้วย
• ลอร์คาเซริน (Lorcaserin) สำหรับยากลุ่มนี้ก็จะมีการนำมาใช้ร่วมกันกับการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย โดยตัวยามีคุณสมบัติในการส่งสัญญาณทางเคมี เพื่อควบคุมการอยากอาหาร และช่วยให้รู้สึกกินแล้วอิ่มเร็วมากขึ้น รวมถึงช่วยให้การกินอาหารทำได้น้อยลง
• เฟนเตอมีนและโทพิราเมท ชนิดออกฤทธิ์เร็ว (Phentermine และ Topiramate-extended Release) สำหรับยากลุ่มนี้ก็จะมีส่วนประกอบของยาจำนวน 2 ชนิดด้วยกัน โดยเป็นยาที่จะใช้เพื่อควบคุมความอยากอาหาร ที่ตัวยาจะส่งผลต่อสัญญาณทางเคมีในสมอง และระบบประสาทส่วนกลาง จึงทำให้ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ควรจะใช้ร่วมกับการออกกำลังกาย และการควบคุมอาหาร
• อาหารเสริม (Dietary Supplements) สำหรับยากลุ่มนี้ก็จะมาในรูปแบบของอาหารเสริม และสมุนไพรที่ใช้ลดน้ำหนัก โดยจุดประสงค์เพื่อเป็นช่วยในการทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ไม่ได้ส่งผลต่อการลดน้ำหนักได้โดยตรง 

ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่คงจะช่วยทำให้เข้าใจกันได้มากยิ่งขึ้นแล้วว่า การใช้ยาลดน้ำหนักนั้นมีข้อดี มีประโยชน์ และมีข้อเสีย หรือผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง นอกจากนั้นยังได้รู้ถึงวิธีการเลือกซื้อยาลดน้ำหนักด้วยว่าควรเลือกอย่างไร ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้กินมากที่สุด ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจกับเรื่องเหล่านี้เอาไว้ด้วย

---

อ้างอิง

• ยาลดความอ้วน ปลอดภัยหรือไม่ ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย. https://www.pobpad.com/ยาลดความอ้วน-ปลอดภัยหรื
• อยากผอมกินยาลดความอ้วนสิ ผอมเร็ว แต่อันตรายเสี่ยงเสียชีวิตไว! https://allwellhealthcare.com/diet-pills/