มีผู้คนจำนวนมากทีเดียวที่หลังจากกิน ดีท็อกซ์ปวดท้องบิด หรือขับถ่ายออกมามากผิดปกติ เนื่องจากการกินดีท็อกซ์คือการกระตุ้นระบบการขับถ่าย และทำให้เพิ่มสภาพความคล่องในการถ่ายของเสียออกไปได้ง่ายมากกว่าเดิม ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มที่จะศึกษารีวิวดีท็อกซ์ที่ดีที่สุดที่ควรซื้อ เพื่อตัดสินใจซื้อและนำมาใช้แก้ปัญหาอาการท้องผูก แต่อาการปวดท้องบิดที่เกิดตากการกินคอลลาเจนนี้ก็ทำให้หลาย ๆ คนกังวลใจ ในบทความชิ้นนี้จะพาทุกคนไปรู้จักแบบเจาะลึกกับ กินดีท็อกซ์ปวดท้องบิด คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง,รวม 7 ผักผลไม้ดีท็อกลําไส้ ธรรมชาติ, ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทำดีท็อกซ์ และผู้ที่ไม่ควรทำดีท็อกซ์มีใครบ้าง ถ้าพร้อมกันแล้วไปติดตามเนื้อหาที่นำมาฝากกันได้
ในเนื้อหาส่วนแรกที่ต้องพาคุณมาทำความรู้จักกันในเบื้องต้นเสียก่อนคือ ดีท็อกซ์คืออะไร และทำไมผู้คนถึงต้องดีท็อกซ์ ดีท็อกซ์คือการล้างสารพิษในร่างกาย และยังเป็นการทำความสะอาดร่างกาย เนื่องจากยิ่งมีอายุมากยิ่งขึ้น ระบบภายในร่างกายเองก็ยิ่งทำงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน อาจทำให้ภายในร่างกายเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก และสารพิษที่คุณได้เลือกรับประทานเข้าไป
การได้ทำดีท็อกซ์บ้างนั้นจะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายได้กลับเข้าสู่สภาวะที่สมดุล ระบบขับถ่ายสามารถขับของเสียออกได้ตามธรรมชาติ โดยที่ขั้นตอนการทำดีท็อกซ์ในปัจจุบันนี้มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการอดอาหาร และเลือกทานอาหารบางประเภท หรือจะเป็นการรับประทานอาหารเสริมที่มีคุณสมบัติในการดีท็อกซ์ แม้แต่การดีท็อกซ์ด้วยวิธีการล้างลำไส้แบบสวนทวารเองก็เป็นหนึ่งในการนำของเสียออกจากร่างกายได้เช่นเดียวกัน
แต่สำหรับบางคนแล้วกินดีท็อกซ์ปวดท้องบิด นี่มาจากสาเหตุอะไรได้บ้าง และทำไมถึงมีอาการดังกล่าวได้ ต้องอธิบายกันเพิ่มเติมเสียก่อนว่า การดีท็อกซ์เป็นด้วยแพทย์เห็นสมควรมีอยู่เพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น อย่างการเลือกรับประทานอาหาร หรือการอดอาหารเป็นต้น สำหรับการรับประทานยาเพื่อทำการดีท็อกซ์นั้นยังไม่มีการรองรับอย่างเป็นรูปธรรม หนึ่งในสิ่งที่สามารถเป็นหนึ่งในเหตุผลหลัก และสำคัญกับอาการปวดท้องบิดได้เลยก็คือ ตัวยาที่ส่งผลกับลำไส้ที่อาจจะรุนแรงเกินไป จนทำให้เกิดเอฟเฟคนี้ในที่สุด
จากข้อความข้างต้นที่ได้ทิ้งท้ายไว้ว่าการรับประทานที่ดี จะนำไปสู่การดีท็อกซ์ได้โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งพากับยาดีท็อกซ์ หรือวิธีการสวนทวารแต่อย่างใด เพราะหากคุณเลือกรับประทานผัก และผลไม้ที่ดี และมีประโยชน์ก็สามารถที่จะถือว่าเป็นการดีท็อกลําไส้ ธรรมชาติได้แล้วแบบง่าย ๆ โดยในเนื้อหาส่วนนี้ได้รวบรวม 7 ผัก และผลไม้เพื่อให้ผู้ที่ต้องการดีท็อกซ์ร่างกายสามารถนำไปปรับรับประทานกันได้
หากพูดถึงดีท็อกลําไส้ ธรรมชาติชื่อผลไม้ที่จะต้องเข้ารอบ และโผล่เป็นรายชื่อแรก ๆ คงหนีไม่พ้นกับเสาวรสที่นอกจากจะเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงว่ามีระดับวิตามินซีที่สูงมาก ๆ แล้ว เสาวรสยังจัดได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีปริมาณไฟเบอร์ที่ค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว เพราะด้วยปริมาณไฟเบอร์ที่มีมากกว่า 10 กรัมต่อผล ทำให้ใครที่กำลังเผชิญ หรือพบกับปัญหาท้องผูกไม่ควรมองข้าม
นอกจากจะส่งผลให้คุณสามารถถ่ายท้องได้ง่ายขึ้นแล้ว เสาวรสนี้ยังมีแร่ธาตุ และวิตามินอื่น ๆ ที่จำเป็นอยู่อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นแมกนีเซียมที่มีส่วนในการเผาผลาญ และยังช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี หรือจะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงของมวลกระดูก และระดับความแข็งแรงของฟันให้ไม่เปราะบางได้อีกด้วยจากแคลเซียม และฟอสฟอรัสที่มีอยู่ในเสาวรส
ผลไม้ขึ้นชื่อที่เมื่อต้องการระบายท้องได้ง่าย มะขามจะต้องเป็นผลไม้ที่คุณพากันนึกถึง เพราะว่ามะขามมีผลออกฤทธิ์อ่อน ๆ ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายให้สามารถทำได้ดี และง่ายมากยิ่งขึ้น ทำให้มะขามจัดเป็นผลไม้ที่ทุกคนที่ท้องผูกต้องรู้จัก และควรมีพกติดไว้ที่ห้องกันบ้าง ความน่าสนใจ และจุดเด่นของมะขามยังไม่หมดลงเพียงเท่านี้ เพราะว่ามะขามนั้นสามารถเป็นประโยชน์ให้กับคุณได้แทบทุกส่วน ทั้งเปลือกที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ, เนื้อมะขามที่เป็นแหล่งของ AHA ที่ช่วยขัดผิว เพื่อเผยผิวสวยใสได้แบบง่าย ๆ หรือจะเป็นฝักของมะขามที่ช่วยลด และบรรเทาอาการเจ็บคอของคนที่มีอาการระคายเคืองได้
หลายคนอาจจะคุ้นกันว่าฝรั่งเป็นผลไม้ที่ช่วยเพิ่มกากใยอาหารได้ดี แต่สิ่งที่น้อยคนนักจะรู้คือ นอกจากช่วยเพิ่มกากใยอาหารแล้ว ฝรั่งยังเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เหมาะกับผู้ที่มีเลือดออกตามไรฟัน และคอยบำรุงเหงือกให้มีความคงทน แข็งแรงมากยิ่งขึ้น หากปล่อยให้ฝรั่งเป็นผลที่สุกมากยิ่งขึ้น ฤทธิ์ของผลไม้ชนิดนี้จะยิ่งมีผลใกล้เคียงกับยาระบายแบบอ่อน ๆ มากยิ่งขึ้น ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีการดีท็อกซ์แบบธรรมชาติกันอยู่ ขอแนะนำเลยว่าฝรั่งเป็นผลไม้ที่จัดอยู่ระดับท็อปกันเลยทีเดียว
สำหรับผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เหมาะกับการรับประทานเพื่อดีท็อกซ์ร่างกายสุดท้ายที่จะฝากไว้ผ่านบทความชิ้นนี้คือ กล้วย ที่เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่หาซื้อได้ง่าย และมีประโยชน์ในหลากหลายทาง แต่หลัก ๆ แล้วกล้วยเป็นผลไม้ที่มีพรีไบโอติก ช่วยทำให้ระบบทางเดินอาหารสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันสารสกัดจากเปลือกกล้วยยังสามารถช่วยต่อต้านริ้วรอย ที่มีสาเหตุเกิดจากสารอนุมูลอิสระอีกด้วย ถือว่าเป็นผลไม้ที่ทานง่าย หาซื้อได้สะดวก แต่มีประโยชน์มากกว่าที่หลาย ๆ คนคิด
นี่ถือเป็นผักที่มีกากใยอาหารสูงเป็นอันดับต้น ๆ เพราะดอกสะเดา 100 กรัม มีปริมาณไฟเบอร์มากถึง 11.6 กรัมกันเลยทีเดียว ใครที่มีปัญหาขับถ่ายยาก และอุจจาระแข็งแห้งกว่าปกติ การรับประทานอาหารที่มีดอกสะเดาเป็นวัตถุดิบหลักจะช่วยเพิ่มมวล และน้ำให้กับอุจจาระได้ดียิ่งขึ้น
การทานดอกสะเดายังช่วยในเรื่องการกระตุ้นน้ำย่อย ที่แก้ไขปัญหาท้องอืด หรืออาหารไม่ย่อยได้เพิ่มเติม เรียกได้ว่าเป็นผักที่อยู่คู่กับเมนูสุดฮิตของคนไทย ที่มีประโยชน์หลากหลาย และยังครอบคลุมปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
หากคุณชอบรับประทานอาหารอย่างแกงไก่กับขนุนอ่อน, ตำขนุนอ่อน, แกงไตปลาเม็ดขนุน หรือแกงขนุนใส่กระดูกหมูที่ทั้งหมดนี้มีส่วนผสมหลักคือขนุนอ่อน ผักที่มีออกฤทธิ์ใกล้เคียงกันกับยาระบายอ่อน ๆ ช่วยในการเร่ง และเพิ่มความสามารถในการขับถ่ายให้กลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง นอกจากนี้แล้วขนุนอ่อนยังมีส่วนช่วยในเรื่องการย่อยอาหารให้กระเพาะทำงานได้ดี และขับถ่ายได้สะดวก
หนึ่งในผักที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย เนื่องจากกระเฉดมักเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของอาหารจานดังหลาย ๆ เมนูของไทย แต่สิ่งที่น้อยคนนักจะรู้คือ ผักกระเฉดนี้มีกากใยอาหารสูง และเป็นผักที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์จำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นแล้วยังช่วยในการจัดการกับปัญหาท้องอืด, ท้องเฟ้อ และขับลมในลำไส้ได้ เชื่อว่าต่อจากนี้ใครที่กำลังเจอกับปัญหาข้างต้นจะหาเมนูเกี่ยวกับผักกระเฉดมารับประทานกันมากยิ่งขึ้น
อันที่จริงแล้วการทำดีท็อกซ์ร่างกายนั้น คุณสามารถทำได้ทุกเมื่อที่สะดวก และมีเวลาสำหรับการขับถ่าย แต่จากคำแนะนำแพทย์เฉพาะทางมักมีการแนะนำช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการกินไฟเบอร์ สำหรับผู้ที่ต้องการทำดีท็อกซ์เริ่มทาน หรือดื่มดีท็อกซ์ คือช่วงก่อนนอน เพื่อให้เวลาที่ตื่นนอนเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ร่างกายต้องการขับของเสีย
หากทำซ้ำ ๆ บ่อยครั้งเข้า ร่างกายจะจำพฤติกรรมการขับถ่ายหลังจากตื่นนอนได้ ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการทำดีท็อกซ์อีกต่อไป ถึงแม้จะหยุดรับประทานดีท็อกซ์ไปแล้วก็ตาม แต่ร่างกายก็ยังสามารถที่จะขับของเสียออกได้อย่างต่อเนื่องในช่วงเช้า นี่น่าจะเป็นคำตอบที่ครอบคลุมเกี่ยวกับคำถาม กินดีท็อกตอนไหนดีที่สุด ที่เป็นหนึ่งในคำถามยอดฮิตของผู้ที่ต้องการทำดีท็อกซ์
แน่นอนว่าความถี่ที่ในการทำดีท็อกซ์นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าประเด็นอื่น และไม่ได้เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทุกวัน เพราะหากมีการรับประทาน หรือดื่มดีท็อกซ์ติดต่อกันเป็นระยะเวลาที่นานเกินไปจะทำให้ระบบการขับถ่ายของร่างกายไม่สามารถที่จะทำงานได้ด้วยตัวเองอย่างเต็มที่
ทางที่ดีแล้วความถี่ที่เหมาะสมสำหรับการทำดีท็อกซ์คือ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น เพื่อให้ระบบขับถ่ายของร่างกายได้ถูกกระตุ้น และกลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าระบบการขับถ่ายนั้นเป็นหนึ่งในระบบของร่างกายที่จะเสื่อมความสามารถไปด้วยอายุของร่างกายด้วยนั้นเอง
การทำดีท็อกซ์เพื่อล้างลำไส้ และทำความสะอาดร่างกายภายในถือเป็นเรื่องที่สำคัญ จำเป็นต้องทำอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อเดือนสำหรับผู้ที่เริ่มรู้สึกว่ามีปัญหากับการขับถ่าย อุจจาระแข็ง และแห้งมากเป็นพิเศษ โดยผู้สูงอายุควรกินดีท็อกซ์ เพราะคนอายุนี้มักมีปัญหาท้องผูกบ่อย ๆ และนำไปสู่โรคอื่น ๆ ที่ตามมาได้
แต่อย่างไรก็ดีมีผู้คนบางกลุ่มเช่นเดียวกันที่จัดได้ว่าเป็นผู้ที่ไม่ควรทำดีท็อกซ์ เพื่อให้คุณสามารถทำดีท็อกซ์ร่างกายได้อย่างเต็มที่ และปลอดภัย ในเนื้อหาส่วนนี้จะพาทุกคนมาเจาะประเด็นกลุ่มคนที่ไม่ควรทำดีท็อกซ์กัน
นี่เป็นเนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวกับประเด็นกินดีท็อกซ์ปวดท้องบิดที่ทำให้ผู้อ่านได้เห็นถึงสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว และยังทางเลือกในการดีท็อกลําไส้ ธรรมชาติที่มาจากการอดอาหาร และเลือกรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย และที่สำคัญคือช่วยในการขับถ่ายให้คุณสามารถขับของเสียออกได้ง่าย เพิ่มมวลน้ำหนัก และน้ำให้กับอุจจาระเพิ่มความคล่องในการถ่ายของเสียได้ดียิ่งกว่าเดิม ใครที่กำลังเจอปัญหาท้องผูก หรือท้องเฟ้อ ลองเปลี่ยนเมนูในแต่ละวันให้มีส่วนผสมของผัก หรือผลไม้ที่มีไฟเบอร์ อาจจะช่วยทำให้การขับถ่ายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นสำหรับคุณ
อ้างอิง