ผู้สูงอายุกินดีท็อกซ์ได้ไหม ? สาเหตุที่ ผู้สูงอายุกินดีท็อกซ์ เพราะมาจากกลุ่มคนอายุนี้ ระบบย่อยและระบบขับถ่ายเริ่มมีประสิทธิภาพลดลง เริ่มมีอาการท้องอืด หรือท้องเฟ้อ เนื่องจากระบบการย่อยอาหารทำงานได้ช้าลง และไม่สามารถย่อยอาหารได้ดีเท่าแต่ก่อน รวมไปถึงระบบขับถ่ายที่เริ่มถ่ายได้ยาก ไม่เป็นเวลา และอุจจาระที่แข็งแห้งเป็นพิเศษ ทำให้การขับถ่ายลำบาก ไม่คล่องตัวเท่าเดิม การมองหารีวิวและซื้อดีท็อกซ์ยี่ห้อดี จึงเริ่มเป็ที่นิยมมากขึ้นในในหมู่ผู้สูงอายุ ในบทความชิ้นนี้จะพาทุกคนไปคลายข้อสงสัย และพบคำตอบของคำถามผู้สูงอายุกินดีท็อกซ์ได้ไหม, กินดีท็อกซ์ อันตรายไหม, ทานดีท็อกซ์ได้ถี่มากน้อยเท่าไหร่ และการทําดีท็อก ลําไส้ ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ไปติดตามเนื้อหาที่นำมาฝากกันได้ที่นี่เลย
ดีท็อกซ์ไม่ใช่การรักษา แต่เป็นการกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายให้กลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง แน่นอนว่าการกินดีท็อกซ์นั้นเป็นสิ่งที่แพร่หลาย และผู้คนให้ความสนใจ เนื่องจากคนทุกวัย และทุกเพศอาจมีอาการท้องผูก หรือขับถ่ายไม่เป็นระบบอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ในปัจจุบันมีการพบอาหารเสริมที่มีสรรพคุณดีท็อกซ์ลำไส้มากขึ้นเรื่อย ๆ
สำหรับคำถามผู้สูงอายุกินดีท็อกซ์ได้ไหม คำตอบคือ ได้ และเหมาะสมอย่างมาก เนื่องจากในหมู่ผู้สูงอายุส่วนมาก ร่างกายจะเริ่มเสื่อมโทรม และระบบภายในทำงานได้เชื่องช้ากว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นระบบการย่อยอาหาร, ระบบการไหลเวียนของโลหิต หรือแม้ระบบการขับถ่ายที่เป็นประเด็นหลักของบทความชิ้นนี้
ทำให้บทบาทของดีท็อกซ์มีความสำคัญอย่างมากในการกู้ปัญหาการขับถ่ายไม่ดี ให้สามารถกลับมาขับถ่ายได้ดีดั้งเดิม โดยวิธีการดีท็อกซ์นั้นมีทั้งรูปแบบการรับประทานเข้าสู่ร่างกาย เพื่อเพิ่มไฟเบอร์ให้กับร่างกาย ไฟเบอร์จะช่วยเพิ่มมวล และน้ำให้กับอุจจาระ ทำให้ผู้สูงอายุสามารถขับถ่ายได้ง่าย และสะดวกกว่าเท่าที่เคย อีกรูปแบบหนึ่งจะเป็นจะเป็นรูปแบบของการสวนทวารที่เป็นการเสียบท่อเข้าทางทวารหนัก และปล่อยน้ำที่มีอุณหภูมิที่พอเหมาะ เพื่อให้ร่างกายขับถ่ายของเสีย และล้างสารพิษที่ตกค้างไปได้ในครั้งเดียว หากต้องการลองวิธีที่สอง ควรเข้าปรึกษากับแพทย์เพื่อให้ได้วิธีการสวนทวารที่ดี และมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากการสวนทวารในผู้สูงอายุจำเป็นต้องมีวิธีที่รัดกุม และปลอดเชื้อเพื่อป้องกันการติดเชื้อในอนาคต
กินดีท็อก อันตรายไหม เป็นที่ถกเถียงอย่างมากว่ามีผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร และจะเกิดความเสี่ยงอย่างไรบ้าง ในความเป็นจริงแล้วการทานดีท็อกซ์นั้นมีจุดประสงค์หลักคือการช่วยเพิ่มคล่องในการขับถ่าย และกระตุ้นระบบการขับถ่ายให้สามารถทำงานได้ตามปกติ เนื่องจากในหลายครั้งจะพบว่านอกจากร่างกายจะเริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้ระบบต่าง ๆ ภายในทำงานได้ไม่เต็มที่แล้ว ระบบขับถ่ายในบางคนยังขับถ่ายไม่เป็นเวลา หรือการขับถ่ายที่ไม่ดีพอ เนื่องจากปัจจัยอื่น ๆ อย่างการดื่มน้ำน้อย, รับประทานอาหารที่ไม่สุก และอื่น ๆ ที่เป็นการรบกวน และแทรกแซงทำให้ระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติไป
การได้ทานดีท็อกซ์บ้างในบางครั้ง ทำให้ระบบที่กำลังรวนสามารถกลับมาทำงานได้ตามที่ควรจะเป็น ส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์ดีท็อกซ์มักมาจากผัก และผลไม้ อีกทั้งยังมีการใส่วิตามินแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ ทำให้ปลอดภัยต่อการรับประทานแน่นอน ใครที่กังวล และไม่สบายใจที่จะทานดีท็อกซ์สามารถที่จะคลายความกังวลไปได้
อีกคำถามที่มีผู้คนสงสัย และถามกันอยู่บ่อยครั้งสำหรับการเริ่มทำดีท็อกซ์ หรือทานดีท็อกซ์คือ ดีท็อกกินทุกวันได้ไหม คำตอบคือ ไม่ควร เพราะร่างกายมีระบบขับถ่ายที่คอยทำหน้าที่หลักอย่างการถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ในบางครั้งที่ระบบขับถ่ายมีปัญหา และถูกกระตุ้นด้วยดีท็อกซ์เป็นเรื่องที่ดี และส่งเสริมการทำงานของร่างกาย
แต่หากคุณทานดีท็อกซ์มากเกินไป หรือทำติดต่อเป็นระยะเวลานาน ระบบขับถ่ายร่างกายอาจจะมีปัญหาเนื่องจากระบบดังกล่าวจะเคยชินกับการถูกกระตุ้นด้วยการทานดีท็อกซ์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีในระยะยาวแน่ คำแนะนำคือการรับประทานดีท็อกซ์เมื่อมีปัญหาด้านการขับถ่าย อุจจาระแห้งแข็งเกินไป และท้องผูกเป็นหลัก คุณสามารถทำดีท็อกซ์ร่างกายมากสุดต่อสัปดาห์ได้ไม่ควรเกิน 3 ครั้ง
ในการทำดีท็อกซ์นั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่าย หรือไกลตัวแต่อย่างใด เพราะคุณสามารถทำการดีท็อกซ์แบบง่ายได้ด้วยดีท็อกลําไส้ ธรรมชาติ หรือการเลือกรับประทานผัก และผลไม้ที่มีคุณสมบัติอย่างการเพิ่มไฟเบอร์ เพื่อทำให้ระบบขับถ่ายสามารถทำงานได้ง่าย และสะดวกกว่าเดิม ในเนื้อหาส่วนนี้จะเป็นการรวบรวมผัก และผลไม้ที่เอื้อต่อการทำดีท็อกซ์แบบที่คุณสามารถหาซื้อง่าย ราคาไม่แพง และที่สำคัญคือเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด จะมีอาหารไฟเบอร์สูงอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้ ดังนี้
ใบเหลียงผัดไข่, ใบเหลียงผัดไข่, ใบเหลียงทอดกุ้งกรอบ, ใบเหลียงอบชีส หรือแกงใบเหลียงปลาทูนึ่ง ล้วนเป็นเมนูที่หลายคนรู้จัก และคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าหนึ่งในคุณสมบัติของใบเหลียงคือมีกากใยอาหารสูง และยังช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นแล้วใบเหลียงยังจัดได้ว่าเป็นผักที่ช่วยส่งเสริมระบบย่อยอาหารให้กลับมาทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพอีกครั้ง อย่างไรก็ดีใบเหลียงถือเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยอาการแน่นท้อง และท้องผูกได้ พร้อมกับป้องกันโรคริดสีดวงทวารไปในเวลาเดียวกัน
นี่ถือเป็นผักที่มักใช้ในการทำอาหารไทยอยู่ในหลาย ๆ เมนู ไม่ว่าจะเป็นแกงขนุน, แกงไก่ยอดมะพร้าวอ่อน, แกงคั่วพริกกระดูกหมูอ่อน และอื่น ๆ อีกมาก เนื่องจากนี่เป็นผักที่ให้รสชาติได้กลมกล่อม และช่วยชูรสชาติของแต่ละเมนูได้เป็นอย่างดี นอกจากเรื่องรสชาติที่โดดเด่น และเป็นจุดขายของผักชนิดนี้แล้ว ขนุนอ่อนยังมีคุณสมบัติออกฤทธิ์อ่อน ๆ ในฐานะของยาระบายอีกด้วย ทำให้ทุกครั้งที่คุณได้มีโอกาสรับประทานแกง หรือต้มที่มีส่วนผสมของขนุนอ่อน จะรู้สึกอยากถ่ายท้องออกมาอยู่เสมอ ยิ่งได้ทานคู่กันกับน้ำเปล่ามาก ๆ จะช่วยทำให้คุณสามารถขับถ่ายได้ง่าย และอุจจาระไม่แข็งแห้งได้ด้วย
ด้านกระเจี๊ยบเขียวเรียกว่าไม่น้อยหน้าผักชนิดก่อนหน้า เพราะกระเจี๊ยบเขียวปริมาณ 100 กรัม มีปริมาณไฟเบอร์มากถึง 3.2 กรัมกันเลยทีเดียว ช่วยทำให้การขับถ่ายนั้นสะดวก ไม่ต้องเบ่ง บรรเทาอาการท้องผูกได้ดี สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าทรมานจากการปวดท้องบิด กระเจี๊ยบเขียวสามารถช่วยให้คุณฟื้นตัว และรู้สึกปวดน้อยลงได้ อีกจุดเด่นของกระเจี๊ยบเขียวที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ กระเจี๊ยบเขียวสามารถที่จะช่วยลดอาการไอ หรือเสมหะในคอได้ เพียงแค่นำกระเจี๊ยบเขียวไปตากแห้ง และนำมาบดให้ละเอียด นำมาผสมกับน้ำ และดื่มแบบง่าย ๆ เท่านี้ก็ทำให้คุณสามารถหายจากอาการไอเรื้อรังได้แล้ว
ใครที่กำลังไดเอท หรือหาวิธีควบคุมน้ำหนักกันอยู่ ไม่แน่ว่าผักกาดขาวอาจจะเป็นตัวช่วยที่หลายคนคิดไม่ถึง เพราะผักกาดขาวนี้รับประทานได้ง่าย อยู่ท้อง และที่สำคัญเลยก็คือมีปริมาณไฟเบอร์ที่สูงมาก ๆ นอกจากจะช่วยทำให้ขับถ่ายได้สะดวก และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้เต็มที่ยิ่งขึ้น กินได้บ่อย แคลอรีต่ำ
ผลไม้ที่ทุกคนต้องเคยทาน เนื่องจากหาได้ง่าย และราคาเข้าถึง นี่จัดได้ว่าเป็นผลไม้ประเภทแรก ๆ ที่หลายคนทานตอนเด็กด้วยซ้ำ ประโยชน์ของกล้วยนั้นมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกากใยอาหารให้กับร่างกาย, เสริมวิตามิน และแร่ธาตุ และแก้ท้องผูกได้ ซึ่งกล้วยแต่ละประเภทนั้นยังมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย อย่างกล้วยน้ำว้าที่มีความสามารถในการเรียกน้ำย่อย และทำให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงโรคท้องอืด หรือท้องเฟ้อได้
กานทานสับปะรัดนั้นช่วยสร้างเอนไซม์ช่วยย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี ใครที่มักมีอาการท้องอืดอยู่บ่อย ๆ จากการทานอาหาร แนะนำว่าของว่างที่คุณควรทานตามคือ สับปะรด เพราะจะช่วยลดอาการ และเรียกน้ำย่อยให้กลับมาทำงานได้ตามปกติอีกครั้ง แต่ข้อควรรู้เกี่ยวกับการทานสับปะรดก็มีเช่นเดียวกันคือ หากคุณทานสับปะรดมากเกินไป อาจจะทำให้รู้สึกเจ็บลิ้นได้ เนื่องจากสับปะรดมีค่าความเป็นกรดสูง ทำให้ลิ้นบอบบาง และแสบลิ้นได้ คำแนะนำคือถ้าใครอยากทานสับปะรดโดยเลี่ยงอาการแสบลิ้น ลองนำสับปะรดไปทำน้ำปั่นเพื่อสุขภาพแบบพร้อมดื่มกันดู
นี่เป็นผลไม้ที่เสริมเรื่องกากใยอาหารได้เป็นอย่างดี และมะม่วงยังถือว่ามีประโยชน์กับร่างกายหลากหลายทางโดยเฉพาะกับระบบขับถ่ายที่จะช่วยทำให้คุณมีอุจจาระที่นิ่มขึ้น ทำให้ขับถ่ายสะดวก ไม่ต้องรู้สึกทรมานเพราะอุจจาระแข็งแห้ง และบาดกับรูทวารแต่อย่างใด มากไปกว่านั้นคือเรื่องวิตามินเอ และวิตามินซีที่มีอยู่ในมะม่วง ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ ทานแค่มะม่วงได้ครบทั้งระบบภายใน และภายนอก
ปิดท้ายไปกับผลไม้ประเภทสุดท้ายอย่างแตงโม ที่เป็นผลไม้คนไทยชื่นชอบ เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะ ช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นได้ และรีเฟรชร่างกายจากวันที่แสนเหนื่อยล้า ภายในผลไม้ชนิดนี้ยังเต็มไปด้วยสารอาหารมากมาย และไลโคปินที่ช่วยในเรื่องของการต่อต้านสารอนุมูลอิสระได้เป็นพิเศษ แตงโมเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีกากใยอาหารสูง ช่วยทำให้ร่างกายสามารถขับถ่ายได้ง่าย เพิ่มความคล่องในการขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้น
นี่เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการดีท็อกซ์สำหรับผู้สูงอายุ ใครที่ในช่วงต้นของบทความมีคำถามที่ว่า ผู้สูงอายุกินดีท็อกซ์ได้ไหม คาดว่าน่าจะได้คำตอบจากบทความชิ้นนี้ไปได้พอสมควร การดีท็อกซ์มีหลากหลายรูปแบบ แต่รูปแบบดีท็อกซ์ที่ได้ด้วยตัวเอง ทำได้ง่าย และมีความเสี่ยงในการดีท็อกซ์น้อยมากที่สุดคือ ดีท็อกลําไส้ ธรรมชาติจากการรับประทานผัก และผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เพื่อให้ร่างกายของคุณสามารถขับถ่ายได้ง่าย และหมดปัญหาเรื่องท้องผูกไปด้วยนั้นเอง
อ้างอิง: