การเลือก สูตรดีท็อกซ์ลําไส้ที่ดี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่ายของเสียออกจากลำไส้ได้มากกว่าเดิม พร้อมเพิ่มประโยชน์ให้แก่ร่างกายได้มากที่สุด เพราะอาการท้องผูกถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหลาย ๆ คนเลยก็ว่าได้ ส่งผลให้หลายคนมองหา สูตรดีท็อกซ์ลําไส้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้แก่ร่างกายของเราได้เป็นอย่างดี เพราะปกติแล้วร่างกายของเราจำเป็นต้องขับของเสียออกมาในรูปแบบของอุจจาระอยู่ในทุก ๆ วัน แต่หากใครที่ท้องผูกการขับถ่ายจึงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นการดีท็อกซ์ลำไส้หรือการซื้อยี่ห้ออาหารเสริมดีท็อกซ์ที่ดีทีสุดมารับประทานจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากที่สุด หากร่างกายของเราไม่ได้ขับถ่าย หรือขับของเสียออกมา จะส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้ เพราะฉะนั้นหากใครที่กำลังท้องผูกจะต้องไม่พลาดกับการดีท็อกซ์ลำไส้เลยทีเดียว บทความนี้เราจะพามาศึกษาเกี่ยวกัสูตรดีท็อกซ์ลําไส้ การดีท็อกซ์ลำไส้คืออะไร, ไขข้อสงสัย ดีท็อกซ์ลำไส้มีกี่วิธี,ก่อนดีท็อกซ์สวนลำไส้ ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง? และสูตรดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยการรับประทานอาหาร
เชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องคุ้นเคยกับคำนี้เป็นอย่างดีแน่นอน เพราะสูตรดีท็อกซ์ลําไส้จะเป็นตัวช่วยการดีท็อกซ์ที่ดีที่สุด โดยการดีท็อกซ์ลำไส้นั้น จะเป็นอีกหนึ่งวิธีการกำจัดสารพิษให้ออกจากร่างกาย เพราะโดยปกติแล้วร่างกายของเราจะมีระบบกำจัดสารพิษอยู่แล้ว เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยลดการสะสมของของเสียในร่างกายได้เป็นอย่างดี และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย แต่ก็ยังมีบางคนที่ร่างกายผิดปกติ หรือไม่สามารถขับของเสียออกมาจากร่างกายได้ในทุก ๆ วัน
ดังนั้นการดีท็อกซ์ลำไส้จึงเป็นทางเลือกที่ดี ที่จะช่วยขับของเสียออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการดีท็อกซ์จะเป็นกระบวนการช่วยให้ระบบภายในร่างกายกำจัดสารพิษออกมาได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบการขับถ่าย ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในปัจจุบันการดีท็อกซ์ร่างกายจึงเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
โดยปกติแล้วการใช้สูตรดีท็อกลำไส้ ก่อนนอน หลายคนมักจะชอบการดื่มเครื่องดื่ม หรืออาหารเสริมที่จะมีส่วนช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ และกระตุ้นการขับถ่ายในตอนเช้า เพราะสูตรการดีท็อกซ์เหล่านี้สามารถกินได้ง่าย ทำเองได้ที่บ้าน แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่า ความจริงแล้วการดีท็อกซ์ร่างกายที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย และจะมีหลากหลายวิธีด้วยกัน ส่วนใหญ่ที่ได้ยินกันบ่อยคงหนีไม่พ้น ดีท็อกซ์แบบกินกับแบบสวน ซึ่งปกติแล้วจะมีความแตกต่างกันทั้งในแง่วิธีการปฏิบัติ
การเลือกวิธีดีท็อกซ์ สามารถความเหมาะสมของแต่ละบุคคล โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 วิธีด้วยกัน อย่างเช่น ดีท็อกซ์ด้วยการรับประทานอาหาร จะเป็นวิธีการดีท็อกซ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สามารถทำได้ในทุก ๆ วัน อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ให้ความปลอดภัยได้มากที่สุดอีกด้วย เนื่องจากวิธีนี้สามารถทำได้โดยไร้ผลข้างเคียง เพียงแค่เราเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และมีสารที่จะช่วยดีท็อกซ์สารพิษในร่างกายให้มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งการรับประทานผักผลไม้ หรืออาหารที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ ปรุงแต่งรสชาติไม่มากเท่าไหร่นัก ไม่มีสารปนเปื้อน และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง เป็นต้น
และการดีท็อกซ์อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน แต่การดีท็อกซ์ในรูปแบบนี้จะไม่ต้องทำทุก ๆ วัน คือ การดีท็อกซ์แบบสวนลำไส้นั่นเอง ซึ่งจะเป็นวิธีดีท็อกซ์แบบแพทย์ทางเลือก ที่มีคุณสมบัติช่วยกำจัดของเสีย และสารพิษตกค้างภายในลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ระบบขับถ่ายสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น และยังมีส่วนช่วยลดอาการท้องผูกได้อีกด้วย
แต่ข้อควรระวังของการดีท็อกซ์แบบสวนลำไส้ คือ จำเป็นต้องกระทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากเป็นวิธีการดีท็อกซ์ที่ติดเชื้อได้ง่ายนั่นเอง ทั้งนี้วิธีการดีท็อกซ์แบบสวนลำไส้จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 วิธีด้วยกัน ได้แก่ การสวนล้างลำไส้ระดับล่าง ที่จะเป็นการสวยล้างลำไส้ช่วงปลายลำไส้ประมาณ 30 เซนติเมตรเท่านั้น และการสวนล้างลำไส้ระดับบน ที่จะเป็นการสวนล้างทั้งลำไส้ ซึ่งจะมีขนาดยาวกว่า 150 เมตรนั่นเอง
และวิธีการดีท็อกซ์วิธีสุดท้ายที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าการดีท็อกซ์ด้วยวิธีนี้ จะต้องมีความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะจะเป็นวิธีการดีท็อกซ์ด้วยการอดอาหารนั่นเอง ซึ่งจะเป็นการดีท็อกซ์ลดพุงด้วยการเลียนแบบพฤติกรรมมาจากการจำศีลของสัตว์ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ระบบย่อยอาหารได้หยุดพักการทำงาน ลดการสะสมของของเสียในลำไส้ได้มากกว่าเดิม โดยปกติแล้วการดีท็อกซ์ด้วยวิธีอดอาหารนั้น จะใช้เวลาในการทำดีท็อกซ์ 1-2 วัน แต่จะสามารถดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้แท้แทนได้
สำหรับใครที่เกิดมาแล้วยังไม่เคยดีท็อกซ์ล้างลำไส้มาก่อนนั้น หากต้องการใช้สูตรดีท็อกลำไส้ ท้องผูก จำเป็นต้องทำการเตรียมตัวก่อนดีท็อกซ์ให้ดีเสียก่อน เพื่อช่วยให้ร่างกายพร้อมสำหรับการดีท็อกซ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนดีท็อกซ์จะมีวิธีเตรียมตัวง่าย ๆ เพียงแค่เราค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยค่อย ๆ ลดปริมาณอาหารลง โดยเฉพาะอาหารที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ น้ำตาล น้ำตาลเทียม และไขมันทรานซ์ แล้วเพิ่มอาหารที่มีผักผลไม้เข้าไปแทน เพราะหากเราต้องการดีท็อกซ์ด้วยการล้างลำไส้ หากเราเลือกอดอาหารแบบหักดิบแล้ว อาจจะทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ท้องอืด หรือท้องผูกได้ เนื่องจากร่างกายของเราปรับตัวไม่ทันกับการดีท็อกซ์นั่นเอง
แต่สำหรับใครที่เลือกอดอาหารไปเลยนั้น จะต้องบอกเลยว่าการดีท็อกซ์ด้วยการสวนลำไส้ จะไม่จำเป็นต้องอดอาหารเสมอไป เพียงจะต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือถูกหลักโภชนาการ เน้นการรับประทานผักและผลไม้ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ซึ่งจะถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการดีท็อกซ์ที่ดี หรือหากใครที่มีโรคประจำตัวและจำเป็นต้องรับประทานยารักษาเป็นประจำ ในระหว่างก่อนการดีท็อกซ์หากต้องหยุดรับประทานยา จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้การดีท็อกซ์ส่งผลกระทบต่อร่างกายในภายหลังนั่นเอง
และที่สำคัญสำหรับการดีท็อกซ์มากที่สุด คือ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เนื่องจากน้ำจะเป็นองค์ประกอบหลัก ๆ ของร่างกายเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะในกระบวนการกำจัดของเสีย ดังนั้นการดื่มน้ำไม่เพียงพอติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจจะทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ง่าย สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก่อนช่วงเริ่มการดีท็อกซ์ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 8 แก้ว หรือตามที่ร่างกายควรได้รับ โดยเราสามารถคำนวณปริมาณน้ำที่จำเป็นต่อร่างกายได้ ด้วยการใช้สูตรน้ำหนักตัว/30 จะได้เป็นจำนวนน้ำต่อลิตรที่ร่างกายควรได้รับนั่นเอง
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า สูตรการดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยการเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม จะเป็นอีกหนึ่งวิธีดีท็อกซ์ที่ดีที่สุด แถมยังสามารถทำได้ทุกวันอีกด้วย เพื่อให้ร่างกายดีท็อกซ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายได้มากกว่าเดิม ทั้งนี้การดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ยังช่วยปรับสมดุลของร่างกายได้มากกว่าเดิม ช่วยให้ผิวพรรณสดใสมากยิ่งขึ้น กำจัดของเสียต่าง ๆ ที่อยู่ในร่างกายได้อย่างหมดสิ้น
ที่สำคัญการดีท็อกซ์จะช่วยแก้ปัญหาอาการท้องผู้ กระตุ้นระบบขับถ่ายให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ ร่างกายของเราจะมีประสิทธิภาพในการดูดซึมอาหารได้ดีขึ้นกว่าเดิม ช่วยให้ร่างกายสดชื่น และแข็งแรง เพราะฉะนั้นหากใครต้องการดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยตนเอง การรับประทานอาหารเหล่านี้จะเป็นสูตรดีท็อกลำไส้ pantip ที่ได้ผลมากที่สุด
การดีท็อกซ์ลำไส้ไม่ได้เหมาะสำหรับคนที่ท้องผูกหรือ ไม่ค่อยขับถ่ายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเหมาะสำหรับทุกคน เพราะการดีท็อกซ์จะเป็นตัวช่วยขับของเสียในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะถึงแม้ว่าเราจะถ่ายอุจจาระในทุก ๆ วัน แต่ก็ยังมีของเสียสะสม ที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดออกมาได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นการดีท็อกซ์จะช่วยให้ร่างกายขับของเสียต่าง ๆ เหล่านั้นออกมาได้ทั้งหมด โดยไม่ตกค้างอยู่ในร่างกายอย่างแน่นอน
อ้างอิง